ภาษีครึ่งปี สำคัญอย่างไร

ภาษีครึ่งปี สำคัญอย่างไร


หลายคนอาจมีคำถามว่า บุคคลธรรมดาผู้มีเงินได้ก็ยื่นภาษีทุกปีอยู่แล้วทำไมต้องยื่นเสียภาษีครึ่งปีอีก? ซึ่งก็มีแค่บุคคลที่มีเงินได้บางประเภทเท่านั้นที่เข้าข่ายต้องเสียภาษีครึ่งปี โดยการเสียภาษีครึ่งปีนี้ถือเป็นการบรรเทาภาระภาษี เพราะหากไม่มีการยื่นแบบแสดงรายการ ภ.ง.ด. 94 หรือ ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาครึ่งปี จะต้องยื่นแบบภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาและชำระภาษีเป็นเงินจำนวนมาก โดยภาษีเงินได้ครึ่งปีที่จ่ายไป สามารถนำไปใช้หักออกจากภาษีประจำปีที่คำนวณได้ ตัวอย่างเช่น นายเอได้ยื่นแบบแสดงรายการและชำระภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาครึ่งปีไปแล้วจำนวน 6,000 บาท พอสิ้นปีนายเอคำนวณภาษีที่ต้องจ่ายเป็นจำนวน 9,000 บาท นายเอก็จ่ายภาษีเพิ่มแค่ 3,000 บาทเท่านั้น  (9,000-6,000 บาท)

แบบ ภ.ง.ด. 94

การเสียภาษีบุคคลธรรมดา นอกจากการยื่นภาษีประจำปีแล้ว ยังมีเงินได้อีกกลุ่มที่ต้องเสียภาษีกลางปีผ่านการยื่นแบบ ภ.ง.ด. 94 หรือแบบแสดงรายการเพื่อยื่นเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา สำหรับรายได้ที่ไม่ใช่เงินเดือนตั้งแต่เดือนมกราคม–มิถุนายน โดยต้องยื่นเสียภาษีในระหว่างเดือนกรกฎาคมถึงกันยายน และเมื่อยื่นแบบ ภ.ง.ด. 94 นี้แล้วเมื่อถึงปลายปีจะต้องคำนวณภาษีเงินได้ตั้งแต่เดือนมกราคมถึงธันวาคม และยื่นแบบ ภ.ง.ด. 90 อีกครั้ง โดยนำยอดภาษีที่ได้ชำระแล้วตามแบบ ภ.ง.ด. 94 มาหักออก


ใครบ้างที่ต้องยื่นแบบ ภ.ง.ด. 94

ผู้ที่ต้องยื่นแบบ ภ.ง.ด. 94 ได้แก่ บุคคลธรรมดาที่มีเงินได้ ตามกฎหมายภาษีมาตรา 40(5) – (8) ซึ่งได้แก่

  • เงินได้ประเภทที่ 5 เงินหรือประโยชน์ต่าง ๆ ที่ได้จากการให้เช่าทรัพย์สินต่าง ๆ เช่น ที่ดิน บ้าน รถยนต์ เป็นต้น

  • เงินได้ประเภทที่ 6  เงินได้จากวิชาชีพอิสระ เช่น กฎหมาย การประกอบโรคศิลปะ วิศวกรรม สถาปัตยกรรม การบัญชี ประณีตศิลปกรรม หรือวิชาชีพอิสระอื่น

  • เงินได้ประเภทที่ 7 เงินได้จากการรับเหมาที่ต้องจัดหาสัมภาระที่สำคัญนอกเหนือจากเครื่องมือ

  • เงินได้ประเภทที่ 8 เงินได้จากการธุรกิจ การพาณิชย์ การเกษตร การอุตสาหกรรม การขนส่ง หรือการอื่นนอกจากที่ระบุไว้ในเงินได้ประเภทที่ 1-7 แล้ว

ยื่นภาษีครึ่งปีใช้สิทธิลดหย่อนได้หรือไม่

"ค่าลดหย่อน" เป็นสิทธิประโยชน์ที่ช่วยให้ผู้มีเงินได้เสียภาษีน้อยลง ซึ่งการใช้สิทธิลดหย่อนภาษีในช่วงครึ่งปีสามารถทำได้ โดยแบ่งรูปแบบการลดหย่อนภาษีเป็น 3 กลุ่มดังนี้


กลุ่มแรก คือ กลุ่มที่ลดหย่อนได้ครึ่งเดียวของการใช้สิทธิเต็มปี

รายการ

ค่าลดหย่อน

- ค่าใช้จ่ายส่วนตัว

 

ลดหย่อนได้ 30,000 บาท (เต็มปี 60,000 บาท)

- คู่สมรสไม่มีเงินได้ หรือมีเงินได้เฉพาะมาตรา 40 (1)-(4)

ลดหย่อนได้ 30,000 บาท (เต็มปี 60,000 บาท)

 

- คู่สมรสมีเงินได้ มาตรา 40 (5)-(8) ถ้าคำนวณภาษีรวมกัน

นำไปหักลดหย่อนส่วนตัวได้ 30,000 บาทและหักลดหย่อนคู่สมรสของผู้มีเงินได้ 30,000 บาท

- ค่าเลี้ยงดูบุตร

ได้คนละ 15,000 บาท (เต็มปี 30,000 บาท)

- ค่าเลี้ยงดูบิดามารดา

ได้คนละ 15,000 บาท (เต็มปี 30,000 บาท)

- ค่าเลี้ยงดูบิดามารดาของคู่สมรสที่ไม่มีเงินได้

ได้คนละ 15,000 บาท (เต็มปี 30,000 บาท)

- ค่าเลี้ยงดูผู้พิการหรือทุพพลภาพ

ได้คนละ 30,000 บาท (เต็มปี 60,000 บาท)

 

กลุ่มที่สอง คือ คือกลุ่มที่ลดหย่อนได้ตามที่จ่ายจริงในช่วงครึ่งปีแรก แต่ยอดลดหย่อนอาจจะน้อยกว่าแบบเต็มปี

เช่น เบี้ยประกันชีวิต และดอกเบี้ยเงินกู้เพื่อที่อยู่อาศัย โดยทั้งสองส่วนสามารถใช้สิทธิได้ตามที่จ่ายจริง แต่ไม่เกิน 95,000 บาท ซึ่งน้อยกว่าแบบเต็มปีที่ลดหย่อนได้สูงสุด 100,000 บาท


กลุ่มสุดท้าย คือ กลุ่มที่ลดหย่อนได้สูงสุดตามที่จ่ายจริงในช่วงครึ่งปีแรก และยอดลดหย่อนสูงสุดเท่ากับแบบเต็มปี
 ได้แก่

  • กองทุนรวม SSF ได้ไม่เกิน 15% ของเงินได้ที่ต้องเสียภาษีช่วงครึ่งปีแรก และไม่เกิน 500,000 บาท

  • กองทุน RMF, กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ, กองทุนสํารองเลี้ยงชีพ, ได้ไม่เกิน 15% ของเงินได้ที่ต้องเสียภาษีช่วงครึ่งปีแรก และไม่เกิน 500,000 บาท

  • เบี้ยประกันสุขภาพบิดามารดา ได้ตามที่จ่ายจริง ไม่เกิน 15,000 บาท

  • เงินประกันสังคม ได้ตามที่จ่ายจริง ไม่เกิน 9,000 บาท

ไม่ยื่นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาครึ่งปีได้ไหม

การยื่นภาษีครึ่งปียื่นได้ตั้งแต่วันที่  1 กรกฎาคม - 30 กันยายน 2565  ถ้าหากไม่ยื่นภาษีจะมีโทษตามกฎหมาย คือ ค่าปรับไม่ยื่นแบบ 2,000 บาท และเงินเพิ่ม (ดอกเบี้ย) จากภาษีที่ต้องจ่ายในอัตรา 1.5% ต่อเดือน (เศษของเดือนคิดเป็น 1 เดือน) โดยนับตั้งแต่วันที่ 30 กันยายน 2565 เป็นต้นไป


กล่าวโดยสรุป สิ่งที่ทุกคนต้องรู้ในฐานะของบุคคลธรรมดานั่นคือ ต้องยื่นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาครึ่งปี ภายในระยะเวลาที่กฎหมายกำหนดไว้ เนื่องจากการยื่นภาษีครึ่งปีไม่ใช่ภาระ แต่เป็นหน้าที่และสิ่งที่ทุกคนควรรู้และทำความเข้าใจเพื่อที่จะได้ยื่นและเสียภาษีได้อย่างถูกต้อง


สามารถอ่านบทความน่าสนใจอื่นๆได้ ที่นี่ คลิ๊ก!!



บทความโดย :  คุณอังค์วรา ไชยอนงค์

 425
ผู้เข้าชม

บทความที่เกี่ยวข้อง

e-Withholding Tax (e-WHT) หรือภาษีหัก ณ ที่จ่าย เป็นบริการที่กรมสรรพากรพัฒนาขึ้นเพื่อเพิ่มความสะดวกลดขั้นตอนให้แก่ผู้ที่มีหน้าที่หักภาษี ณ ที่จ่ายทำการนำส่งเงินภาษีต่อกรมสรรพากร โดยมีธนาคารเป็นตัวกลางในการนำส่งข้อมูลและส่งเงินภาษีให้กับกรมสรรพากร โดยที่ผู้ประกอบการไม่ต้องจัดทำหนังสือรับรองการหักภาษี ณ ที่จ่าย ดังนั้น ประโยชน์ที่เราจะเห็นได้ชัดเจนเลยก็คือ
แนวทางการบันทึกบัญชี ธุรกิจซื้อมาขายไป การขายสินค้าออนไลน์
e Invoice และ e Tax invoice ถือว่าเป็นสองคำที่หลาย ๆ คนคุ้นหู วันนี้เราจะมาเจาะข้อสงสัยว่าสองคำนี้คืออะไร มีความหมายว่าอย่างไร และใช้ในสถานการณ์ใดบ้าง 
ในปัจจุบันเทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทกับการทำงานในธุรกิจเป็นอย่างมาก และยังมีอิทธิพลต่อการดำเนินธุรกิจ ซึ่งการนำเทคโนโลยี เข้ามาช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานให้ดีมาก งานบัญชีถือเป็นส่วนสำคัญของธุรกิจ ที่มีบทบาทสำคัญที่ทำให้เจ้าของกิจการหรือผู้บริหารเห็นภาพรวมของธุรกิจ ชี้วัดสุขภาพทางการเงินขององค์กร ว่ามีกำไรขาดทุนมากน้อยเพียงใด ในยุคที่การตัดสินใจของลูกค้าที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว การทำบัญชีบนกระดาษที่ใช้เอกสารจำนวนมากอาจทำให้ไม่ทันความต้องการ การมีเครื่องมือในการทำบัญชีเป็นตัวช่วยให้งานบัญชี รวดเร็ว ถูกต้อง และมีประสิทธิภาพมาก
อัตราส่วนทางการเงิน  ( Financial ratio) เป็นการนำตัวเลขที่อยู่ในงบการเงิน มาหาอัตราส่วนเพื่อใช้ในการวิเคราะห์เปรียบเทียบกับกิจการอื่นหรือ เปรียบเทียบกับผลการดำเนินงานในอดีต ช่วยให้ผู้วิเคราะห์ประเมินผลการดำเนินงาน แนวโน้ม และความเสี่ยง ของกิจการได้ดียิ่งขึ้น

สร้างเว็บไซต์สำเร็จรูปฟรี ร้านค้าออนไลน์