3 เหตุผลที่ทำไมโปรแกรมหรือซอฟต์แวร์บัญชีจึงมีประโยชน์

3 เหตุผลที่ทำไมโปรแกรมหรือซอฟต์แวร์บัญชีจึงมีประโยชน์


การจัดการการเงินของธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็นค่าใช้จ่าย
, ใบเสร็จและสเปรดชีตของรายได้ จำเป็นต้องใช้วิธีต่าง ๆ ในการรวบรวมข้อมูลและวิเคราะห์ข้อมูลทางการเงินที่ค่อนข้างซับซ้อน ซึ่งถ้าหากไม่รอบคอบอาจมีความเสี่ยงทำให้ข้อมูลทางการเงินของธุรกิจผิดพลาดได้ อย่างไรก็ตามสามารถแก้ไขปัญหาเหล่านั้นได้ด้วยซอฟต์แวร์หรือระบบบัญชีที่ถูกต้อง โดยการจัดเตรียมไฟล์บัญชีที่ทันสมัย ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญโดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเวลาของการเสียภาษี ทำให้หลาย ๆ ธุรกิจหันมาพึ่งโปรแกรมหรือซอฟต์แวร์บัญชีเพราะมันสามารถสร้างประโยชน์ให้กับธุรกิจได้มากมายดังต่อไปนี้

โปรแกรมบัญชีสามารถทำงานได้อัตโนมัติไม่ซับซ้อน

            การรวบรวมข้อมูลแบบเดิมอาจทำให้ผู้ที่รับทำบัญชีจะต้องมานั่งป้อนข้อมูลเป็นเวลานานและทำให้ข้อมูลผิดพลาดได้ ดังนั้นผู้ทำบัญชีหรือธุรกิจจึงควรใช้ซอฟต์แวร์หรือโปรแกรมในการป้อนข้อมูลได้อย่างอัตโนมัติภายในครั้งเดียว ด้วยซอฟต์แวร์และโปรแกรมสมัยใหม่สามารถทำให้ธุรกิจเข้าใจการชำระเงินของลูกค้า รวมถึงประวัติการซื้อของลูกค้าและสามารถเรียกใช้ใบแจ้งหนี้ทำให้การชำระเงินสามารถทำได้อย่างรวดเร็วอีกด้วย โดยประวัติการทำธุรกรรมต่าง ๆ จะถูกจัดเก็บไว้ในระบบโดยที่คุณไม่จำเป็นต้องป้อนข้อมูลด้วยตนเอง ซึ่งจะทำให้ผู้ทำบัญชีประหยัดเวลาและยังช่วยลดข้อผิดพลาดที่เกิดขึ้นจากการป้อนข้อมูลด้วยตนเอง

ช่วยธุรกิจจัดการภาษี

            การใช้ระบบ และโปรแกรมบัญชีที่ดีจะช่วยให้ธุรกิจบันทึกและรวบรวมข้อมูลต่าง ๆ ได้อย่างถูกต้องทำให้งานบัญชีของคุณง่ายยิ่งขึ้นและสะดวกในการจัดการภาษี นอกจากนี้ซอฟต์แวร์บางตัวยังมีระบบที่สอดคล้องกับกฎของสำนักงานภาษีด้วยการจัดรูปแบบเอกสารต่างๆ ได้โดยอัตโนมัติ เพื่อให้คุณไม่ต้องปวดหัวกับการจัดการภาษีในช่วงเวลาเสียภาษี

ลดค่าใช้จ่าย

           โปรแกรมบัญชีอัตโนมัติช่วยให้ธุรกิจสามารถประหยัดเงินได้ในระยะยาว และช่วยลดการจ้างพนักงานทำบัญชีได้ นอกจากนี้ซอฟต์แวร์ยังมีรูปแบบการกำหนดราคาตามการสมัครโดยมีต้นทุนที่ต่ำ ด้วยการสมัครรับข้อมูลจะช่วยให้คุณได้รับการอัพเดต, การสนับสนุนและเครื่องมือต่างๆ ซึ่งจะช่วยให้คุณสามารถมุ่งความสนใจไปที่การดำเนินธุรกิจของคุณได้จริง

>>
อ่านบทความ 5 เหตุผล SME ควรใช้โปรแกรมบัญชี (Accounting Software)


บทความโดย:
 https://www.arac.co.th

 811
ผู้เข้าชม

บทความที่เกี่ยวข้อง

บัญชีที่ทำกันโดยทั่วไป ได้แก่ บัญชีเงินเดือน (payroll) การออกใบกำกับสินค้า (invoice) บัญชีลูกหนี้ (account receivable) การรับเงิน (cash receipts) บัญชีเจ้าหนี้ (account payable) การพิมพ์เช็คและหักบัญชี (check writing and reconciliation) เป็นต้น
หลายคนอาจมีคำถามว่า บุคคลธรรมดาผู้มีเงินได้ก็ยื่นภาษีทุกปีอยู่แล้วทำไมต้องยื่นเสียภาษีครึ่งปีอีก? ซึ่งก็มีแค่บุคคลที่มีเงินได้บางประเภทเท่านั้นที่เข้าข่ายต้องเสียภาษีครึ่งปี โดยการเสียภาษีครึ่งปีนี้ถือเป็นการบรรเทาภาระภาษี เพราะหากไม่มีการยื่นแบบแสดงรายการ ภ.ง.ด. 94 หรือ ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาครึ่งปี จะต้องยื่นแบบภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาและชำระภาษีเป็นเงินจำนวนมาก โดยภาษีเงินได้ครึ่งปีที่จ่ายไป สามารถนำไปใช้หักออกจากภาษีประจำปีที่คำนวณได้ ตัวอย่างเช่น นายเอได้ยื่นแบบแสดงรายการและชำระภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาครึ่งปีไปแล้วจำนวน 6,000 บาท พอสิ้นปีนายเอคำนวณภาษีที่ต้องจ่ายเป็นจำนวน 9,000 บาท นายเอก็จ่ายภาษีเพิ่มแค่ 3,000 บาทเท่านั้น  (9,000-6,000 บาท)
ใบเสร็จรับเงิน จริงๆ แล้วคือเอกสารที่ใช้ในการรับเงินจากผู้ขายหรือผู้ให้เช่าออกใบเสร็จนี้ให้กับผู้ซื้อ เพื่อเป็นเอกสารยืนยันว่าผู้ขายหรือผู้ให้เช่านั้นได้รับเงินแล้ว การออกใบเสร็จรับเงินเป็นสิ่งที่สำคัญและเป็นสิ่งที่ต้องทำเพราะตามกฎหมายแล้วกำหนดไว้ว่าให้ผู้รับเงิน ต้องออกใบเสร็จให้กับผู้ขายทันที เมื่อมีการรับเงิน โดยไม่เว้นแต่กรณีที่ผู้ซื้อจะขอหรือไม่ขอก็แล้วแต่ แต่ถ้าหากเป็นธุรกิจที่มีขนาดเล็ก อาจจะไม่ต้องออกใบเสร็จรับเงินให้กับผู้ซื้อทุกครั้ง แต่ทางกรมสรรพากรได้กำหนดไว้ว่าต้องออกใบเสร็จรับเงินต่อเมื่อมีการขายสินค้าที่มีจำนวนเงินเกิน 100 บาท/ต่อครั้ง
ผู้ตรวจสอบบัญชี หรือ ผู้สอบบัญชี CPA (Certified Public Accountant) คือ ผู้ที่ขึ้นทะเบียนและได้รับใบอนุญาตจากสภาวิชาชีพบัญชี ตามพระราชบัญญัติวิชาชีพพ.ศ.2547 มีสิทธิในการตรวจสอบและรับรองบัญชีของบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล ทุกขนาด ทุกประเภท (ไม่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์) การสอบ CPA เป็นการทดสอบความรู้และความสามารถในด้านบัญชีและงานที่เกี่ยวข้อง และเป็นที่ยอมรับและเคารพในวงกว้างในวงการบัญชีและการเงิน
สำหรับหลักการบัญชีคู่นั้นหมายถึงการบันทึกรายการบัญชีทั้งสองด้าน ด้วยการเดบิตและเครดิตอย่างน้อยสองบัญชีขึ้นไป ด้วยการนำสมการบัญชีมาใช้ด้วยการลงทั้งสองด้านนั้นจะต้องมียอดเท่ากัน แต่ไม่จำเป็นที่จะต้องมีจำนวนบัญชีที่เท่ากัน
บอจ.2 บอจ.3 บอจ.5 เป็นเอกสารประกอบการจดทะเบียนที่สำคัญอย่างหนึ่งเวลาที่เราเอาบริษัทไปทำธุรกรรมในด้านต่างๆ ยกตัวอย่างเช่น เวลาที่เราไปเปิดบัญชีธนาคารในนามบริษัทธนาคารก็จะขอ บอจ.2 บอจ.3 บอจ.5 ในบทความนี้เราจะมาดูกันว่าเอกสารดังกล่าวนั้นคืออะไร

สร้างเว็บไซต์สำเร็จรูปฟรี ร้านค้าออนไลน์