Checklists ความผิดปกติปิดงบการเงิน

Checklists ความผิดปกติปิดงบการเงิน



การปิดงบการเงินนั้นหาก ปิดไม่เหมาะสมอาจมีตัวเลขบางอย่าง ที่แสดงถึงความผิดปกติของงบการเงิน ของกิจการเราได้

ซึ่งอาจเป็นเหตุให้ นักลงทุนที่มาอ่านงบ, ผู้สอบบัญชีที่ตรวจสอบงบฯ หรือ แม้แต่สรรพากรที่ได้ข้อมูลตอนยื่นงบไป อาจเคลือบแคลงใจ และเป็นเหตุต้องสงสัยได้

เรามาดูตัวอย่างง่ายๆ กันว่า ประเด็นต่างๆเหล่านี้ มีอยู่ในงบการเงินของท่านหรือไม่

1.เงินสด เยอะมาก

กิจการที่เงินสด เยอะมากๆ อาจมีเหตุต้องสงสัยว่า เงินสดนั้นมีอยู่จริงๆ หรือไม่ เพราะยุคสมัยนี้ ระบบการเงินพัฒนาไปไกลมาก การใช้เงินสด รับ-จ่าย โดยเฉพาะอย่างยิ่งรายการค้าที่สูงๆ อาจมีข้อสงสัยว่ารายการเหล่านั้น เกิดจริงหรือไม่ ? แล้วถ้าเกิดจริง ทำไมต้องใช้เงินสด ?

เพราะ ข้อจำกัดของเงินสด ในการตรวจสอบนั่นคือ ตรวจสอบได้ยากมาก ว่าเงินนั้นมาจากใคร เป้นของใคร ก็เราดมไม่ได้นี่เนอะ ดังนั้นแล้วกิจการใดที่มีเงินสดมากเกินควร (แต่ ร้านสะดวกซื้ออาจมีเงินสดมากได้ เพราะรูปแบบธุรกิจเค้าเป็นแบบนั้น ดูอย่าง เซเว่นสิครับ รับเงินสดเยอะจริงในแต่ละวัน) กิจการใดที่มีเงินสดมากๆ ในงบการเงิน หรือบันทึกบัญชี ผ่านเงินสดรับ-จ่าย อาจต้องหาคำอธิบายเตรียมๆไว้บ้างนะว่าทำไม

2.งบการเงินไม่มี รายการอาคารและที่ดินที่ใช้ในการประกอบกิจการ หรือไม่มีรายการค่าเช่าในส่วนของค่าใช้จ่าย

เอออันนี้ หลายๆท่านมักมองข้ามไปนะ การที่งบการเงิน ไม่มีรายการสินทรัพย์ถาวร พวก อาคาร/ที่ดิน/ออฟฟิต แล้วกิจการเราใช้อะไรดำเนินงาน ? ….. แต่ถ้ากิจการเหล่านี้ เช่า สถานที่อยู่ก็อาจเป็นเหตุผลได้ว่า เพราะการเช่า จึงไม่มีสินทรัพย์ ถาวร ในงบการเงิน แต่บางงบการเงินนั้น ไม่มีรายการ ค่าเช่า อีก แบบนี้ยิ่งแปลกเพราะเหมือนกับว่ากิจการเหล่านี้ ไม่มีสินทรัพย์ดำเนินงานอะไรเลย

แบบนี้นักลงทุนที่มาอ่านงบ ก็อาจสงสัยได้ หรือถ้าในมุม สรรพากร ก็อาจสงสัยได้เช่นกันว่ากิจการ มีซ่อนกิจการอื่นไว้หรือไม่ (อาจไปใช้อาคารสำนักงานของกิจการอื่นๆ ) อะไรแบบนี้

3.รายการ ลูกหนี้กรรมการ หรือ เงินให้กู้ยืมแก่กรรมการ

อันนี้เบสิค สุดๆ ถามว่าจริงๆ แล้วกรรมการสามารถ กู้ยืมเงินบริษัทได้หรือไม่ ตอบว่าได้ ไม่มีกฏหมายข้อใดกำหนดว่าไม่ได้ แต่แต่แต่ ถ้าจำนวนนี้สูงมากเกินไปแปลว่าอะไร ?

  • กรรมการ เลือกที่จะดึงเงินออกจากบริษัทผ่านทางเงินกู้ยืม เพราะมันไม่มีภาระภาษี บุคคลธรรมดา ต่อกรรมการ (ถ้ารับเป็นเงินเดือน สิ้นปีกรรมการต้องยื่นภาษีไงครับ)
  • กรรมการ ขายสินค้า แต่เงินอยู่ที่กรรมการ บริษัทเลยบันทึกการขาย ผ่านบัญชีลูกหนี้กรรมการ
  • นักบัญชี ไม่รู้จะลงบัญชีอย่างไร ตบยอดตรงไหน ก็ยัดมันเข้าบัญชีลูกหนี้กรรมการ

และอีก หลายต่อหลายสาเหตุที่ทำให้มีบัญชีนี้ ซึ่งจริงๆแล้วเนี่ย ลองนึกภาพตามนะะครับ ถ้าเป็นการกู้ยืมเงินระหว่างกรรมการ และ บริษัท จริง บัญชีลูกหนี้กรรมการ ควรจะเป็นเลขกลมๆ เพราะเราคงไม่กู้หรือคืนเงินกู้ยืม ด้วยยอด 120,515 บาท มีเศษ ๆ หรอกถูกมั้ย หรือ  หากมองไวๆแบบง่ายๆ บัญชีนี้ไม่ควรมียอดสูงเกินกว่า หนี้สินหมุนเวียน เช่น เจ้าหนี้การค้า/ เงินกู้จากธนาคาร เพราะ ถ้าบริษัทมีเงินเหลือให้กรรมการกู้ยืมจริง เหตุไฉน จึงไม่เอาเงินนั้นมาจ่ายชำระหนี้สิน ถูกมั้ยครับ

4.สินค้าคงเหลือ ยอดสูงมากเกินควร

รายการ สินค้า สิ้นงวดนั้นต้องบอกว่าเป็นรายการที่ใครๆ (ผู้สอบบัญ๙ี หรือ สรรพากร หรือ นักลงทุน) ต้องแวะมาดูเพราะสามารถบอกอะไรได้หลายต่อหลายอย่าง เช่น

  • เหลือเยอะมั้ย ถ้าเยอะเยอะมากแค่ไหน เพราะหมายถึง เงินไปจมในสต้อคเกินไปป่าว
  • หรือที่เหลือ มากๆนั้น มีสินค้าที่ล้าสมัย เสื่อมสภาพมั้ย ขายไม่ออก
  • หากมียอดสูงกว่า ยอดขายใน 1 ปี อาจบ่งบอกว่ากิจการมีการขาย แต่ไม่มีการบันทึกบัญชีหรือไม่
  • สินค้าคงเหลือ มีแต่ยอดสูง แต่ไม่มีอยู่จริง
  • อื่นๆ

สินค้าคงเหลือ ค่อนข้างที่จะต้อง ดูเป็นพิเศษ หากกิจการใดมีระบบควบคุมที่ดี ก็คงต้องตรวจนับสินค้าโดยเฉพาะอย่างยิ่ง ตอนสิ้นปี ว่ามีจริงๆเท่าไหร่ มีเสื่อมสภาพบ้างหรือไม่ โดยอาจมีผู้สอบบัญชี (อย่างผม) ไปช่วยดูการตรวจนับด้วย เพื่อที่จะเสนอแนะหรือแนะนำ ระบบควบคุมให้ดียิ่งขึ้น

5.มีรายการ ซื้อสินค้า ป็นเงินตราต่างประเทศ  แต่งบกำไร/ขาดทุน ไม่ปรากฏว่ามีรายการกำไร/ขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยน

อันนี้คือ ยังไง๊ยังไงก็แปลก เพราะหากมีรายการการค้าขายกับต่างประเทศแล้ว มักเป้นปกติที่ต้องมีรายการ กำไร หรือ ขาดทุน จากอัตราแลกเปลี่ยน


สามารถอ่านบทความน่าสนใจอื่นๆได้ ที่นี่ คลิ๊ก!!



ขอบคุณที่มา : https://onesiri-acc.com

 318
ผู้เข้าชม

บทความที่เกี่ยวข้อง

นักลงทุนควรที่ความสำคัญกับการทำความเข้าใจในงบการเงินของกิจการ โดยนักลงทุนจะต้องทราบถึงความสำคัญของงบการเงิน ว่ามีความสำคัญอย่างไร เพราะข้อมูลในงบการเงินของแต่ละกิจการนั้น จะสามารถบ่งชี้ให้เราทราบถึงโอกาสในการลงทุนโดยดูจากข้อมูลภายในงบการเงินนั้นๆ งบการเงินของบริษัท ซึ่งในบทความนี้ผู้เขียนต้องการที่จะกล่าวถึง สาระสำคัญของงบการเงินที่นักลงทุนควรที่จะต้องพิจารณา โดยมีด้วยกันอยู่ 2 รายงาน และ 3 งบ ดังนี้
ทุกครั้งที่นิติบุคคลจ่ายค่าบริการ จะต้องหักภาษีเงินได้ ณ ที่จ่ายเพื่อนำส่งกรมสรรพากรไม่เกินวันที่ 7 ของเดือนถัดไป  กรณีลืมหักภาษี ณ ที่จ่าย จะสามารถนำมาเป็นค่าใช้จ่ายได้หรือไม่? หลักการพิจารณาให้แยกพิจารณาทีละภาษี
การคำนวณต้นทุนเป็นส่วนหนึ่งของระบบบัญชีและการเงินของกิจการ เป็นการบันทึกการวัดผลและรายงานข้อมูลเกี่ยวกับต้นทุนของสินค้าของกิจการ โดยทั่วไปการคำนวณต้นทุนจะใช้เวลาและลงรายละเอียดมากในกิจการที่ผลิตสินค้า แต่ไม่ได้หมายความว่ากิจการประเภทอื่นเช่นกิจการขายส่ง ขายปลีก ร้านอาหารหรือบริการต่างๆไม่มีความสำคัญในการที่ต้องคำนวณต้นทุนเลย การคำนวณต้นทุนสามารถนำไปใช้ได้ในทุกกิจการเพราะมีความสำคัญต่อการบริหารจัดการธุรกิจดังนี้
ภาษีธุรกิจเฉพาะ เป็นภาษีตามประมวลรัษฎากรประเภทหนึ่ง จัดเก็บจากการประกอบกิจการเฉพาะอย่างแทนภาษีการค้าที่ถูกยกเลิก ภาษีธุรกิจเฉพาะเริ่มใช้บังคับใน พ.ศ.2535 พร้อมกันกับภาษีมูลค่าเพิ่ม
ทุกๆ ปีของการนำส่งงบการเงิน เมื่อพูดถึงเรื่องการยื่นงบการเงิน นักบัญชีก็ต้องนึกถึงการยื่น บอจ.5 ควบคู่มาด้วย แล้วก็จะมีคำถามต่อว่า แล้ว บอจ.5 คืออะไร ต้องยื่นทำไม ในการทำธุรกิจในรูปแบบของนิติบุคคล ก็จะมีผู้ถือหุ้นหลายคน แล้วแต่ว่าแต่ละกิจการจะตกลงกัน ซึ่งการยื่นบอจ.5 ก็เป็นเหมือนการยืนยันในทุกๆปีว่า รายชื่อผู้ถือหุ้นปัจจุบันนี้ คือใครบ้าง แล้วสัดส่วนหุ้นคนละเท่าไหร่ ก็เลยมีความจำเป็นที่จะต้องนำส่งข้อมูลในทุกๆ ปีค่ะ เราไปดูรายละเอียดกัน
ในยุคที่กรมสรรพากร ได้มีการบริหารภายใต้นโยบายปรับเปลี่ยนองค์กรให้ทันกับการเปลี่ยนแปลงของโลก เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารการจัดเก็บภาษีและยกระดับการให้บริการด้วยการนำเทคโนโลยีดิจิทัลและการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึกมาใช้ในการบริหารการจัดเก็บภาษีของกรมสรรพากรทุกกระบวนงาน หรือที่เรียกว่า “RD Digital Government – Data Analytics” และนำมาสู่แนวคิดเรื่อง “บัญชีเดียว” ของผู้ประกอบธุรกิจ ส่งผลให้มีการกล่าวถึง “นักบัญชีภาษีอากร” ซึ่งจะเป็นผู้ที่ช่วยให้ผู้ประกอบการเสียภาษีได้ถูกต้องและเหมาะสมมากขึ้น

สร้างเว็บไซต์สำเร็จรูปฟรี ร้านค้าออนไลน์