ค่าใช้จ่าย (Expenses) ประเภทและความสำคัญ

ค่าใช้จ่าย (Expenses) ประเภทและความสำคัญ



ค่าใช้จ่าย (Expenses)
 
เป็นคำที่ใช้ในด้านการเงินและการจัดการธุรกิจ หมายถึง ทรัพยากรทางการเงินหรือสินทรัพย์ที่ถูกใช้ไปเพื่อการดำเนินให้ได้มาซึ่งการผลิตสินค้า การให้บริการ หรือการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินกิจการให้เป็นไปอย่างราบรื่น ค่าใช้จ่ายมีบทบาทสำคัญในการบริหารจัดการทางการเงิน เนื่องจากช่วยสะท้อนถึงการใช้ทรัพยากรและแสดงถึงประสิทธิภาพในการดำเนินงาน

ประเภทของค่าใช้จ่าย
          ค่าใช้จ่ายสามารถแบ่งออกได้หลากหลายประเภท ตามลักษณะและจุดประสงค์การใช้เงิน ได้แก่
          1. ค่าใช้จ่ายประจำ (Fixed Expenses) เป็นค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นเป็นประจำทุกเดือน และมักมีจำนวนเงินที่คงที่ที่ไม่เปลี่ยนแปลงตามปริมาณการใช้งานหรือการผลิต เช่น
                    • ค่าเช่าสำนักงาน
                    • เงินเดือนพนักงานประจำ
                    • ค่าบริการอินเทอร์เน็ตหรือโทรศัพท์
                    • ค่าสาธารณูปโภค

          2. ค่าใช้จ่ายผันแปร (Variable Expenses) เป็นค่าใช้จ่ายที่เปลี่ยนแปลงตามการใช้งานหรือปริมาณการผลิต เช่น
                    • ค่าวัตถุดิบ
                    • ค่าขนส่งสินค้า
                    • ค่าน้ำค่าไฟ
                    • ค่าซื้ออาหาร
                    • ค่าเดินทาง
                    • ค่าแรงงานที่ขึ้นอยู่กับชั่วโมงทำงาน

          3. ค่าใช้จ่ายทางการเงิน (Financial Expenses) เกี่ยวข้องกับการจัดหาเงินทุนและการบริหารหนี้ เช่น
                    • ดอกเบี้ยเงินกู้
                    • ค่าธรรมเนียมธนาคาร

          4. ค่าใช้จ่ายลงทุน (
Capital Expenses) เป็นค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับการลงทุนในสินทรัพย์ที่มีมูลค่าและมีอายุการใช้งานนาน เช่น
                    • การซื้อเครื่องจักร
                    • การลงทุนในทรัพย์สินถาวร

          5. ค่าใช้จ่ายที่ไม่เกี่ยวข้องกับการดำเนินงานหลัก (Non-operating Expenses) เช่น
                    • ค่าใช้จ่ายด้านภาษี
                    • ค่าเสียหายจากความเสียหายที่เกิดขึ้น

          6. ค่าใช้จ่ายฉุกเฉิน (Emergency Expenses) เป็นค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นโดยไม่คาดคิด เช่น
                    • ค่ารักษาพยาบาล
                    • ค่าซ่อมแซมรถยนต์


ความสำคัญของการบริหารค่าใช้จ่าย
          การบริหารค่าใช้จ่ายอย่างมีประสิทธิภาพช่วยให้เราสามารถควบคุมการเงินและเตรียมความพร้อมสำหรับเหตุการณ์ไม่คาดคิด การทำงบประมาณและบันทึกรายรับรายจ่ายช่วยให้เราเข้าใจพฤติกรรมการใช้จ่ายของตัวเองและสามารถปรับเปลี่ยนเพื่อลดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็น
 156
ผู้เข้าชม

บทความที่เกี่ยวข้อง

หากเราเลือกวิธีการประหยัดภาษีต่างๆ ที่ไม่ถูกต้องตามกฎหมาย อาจทำให้เกิดอันตรายต่อฐานะการเงินของเราได้ กรมสรรพากรจะตรวจสอบว่า วิธีการที่เราใช้นั้นมันผิดกฎหมายจนทำให้ชำระภาษีขาดไป อาจจะเป็นเรื่องใหญ่แน่
ตามมาตรา 12 แห่งประมวลรัษฎากร หากบุคคลใดมีภาษีอากรค้าง กรมสรรพากรสามารถยึดหรืออายัดทรัพย์และขายทอดตลาดได้เลยโดยยังไม่ต้องฟ้องต่อศาลก่อนก็ได้  และระยะเวลาที่มีอํานาจทําได้ก็เป็นเวลานานถึง 10 ปี
สมุห์บัญชีหรือผู้ที่ได้รับมอบหมาย จะต้องตรวจสอบอยู่เสมอว่า บัญชีย่อยเจ้าหนี้จะมียอดรวมตรงกับบัญชีคุมยอดเจ้าหนี้การค้า...
เราไปดูกันว่า 7 ทักษะ Soft skills ที่นักวิชาชีพตรวจสอบบัญชี (Auditor) ควรมีนั้น มีอะไรบ้าง
 ใครที่เป็นนักบัญชีคงรู้ว่า ในหน้าที่การงานที่เกี่ยวกับบัญชีที่ตนรับผิดชอบอยู่นั้นจะพบว่าต้องเกี่ยวข้องกับกฎหมายหลายๆฉบับอย่างไม่น่าเชื่อ ที่ใกล้ตัวที่สุดน่าจะเป็น (๑) ประมวลรัษฎากร กฎหมายเกี่ยวกับภาษีอากร ตามมาด้วย (๒) ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ โดยเฉพาะในบรรพ 3 ในหมวดว่าด้วย “บริษัท” (๓) พระราชบัญญัติการบัญชี พ.ศ. 2543 (๔) พระราชบัญญัติวิชาชีพบัญชี พ.ศ. 2547 (๕) พระราชบัญญัติประกันสังคม และ (๖) พระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน (ที่เรียกกันสั้นๆว่ากฎหมายแรงงาน)
การวางแผนภาษีอากร (Tax Planning) คือ การกำหนดแนวทางการปฏิบัติที่เป็นรูปธรรม เพื่อการปฏิบัติในอนาคตเกี่ยวกับรายการทางการเงิน (Financial Transactions) อาทิ รายการรายได้ ค่าใช้จ่ายต่างๆ และจำนวนกำไรหรือขาดทุน ที่เกี่ยวข้องกับประเด็นทางภาษีอากรทั้งในระยะสั้นและระยะยาว ในอันที่จะป้องกันมิให้เกิดปัญหาภาษีอากรไม่ว่าประการใดๆ โดยมุ่งหมายให้การเสียภาษีอากรและการปฏิบัติการเกี่ยวกับภาษีอากรขององค์กรเป็นไปโดยถูกต้อง และครบถ้วนตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่กฎหมายภาษีอากรกำหนดไว้ และเป็นผลให้จำนวนภาษีอากรที่ต้องเสียนั้น เป็นจำนวนน้อยที่สุดหรือประหยัดที่สุด รวมทั้งใช้สิทธิประโยชน์ทางภาษีอากรสูงสุด ทั้งนี้ โดยไม่อาศัยการทุจริตหลีกเลี่ยงภาษีอากร

สร้างเว็บไซต์สำเร็จรูปฟรี ร้านค้าออนไลน์