sale@onlinesoft.co.th
02-402-6117
,
081-359-6920
Menu
Home
Products
Sales Order - ระบบขาย
Purchase Order - ระบบจัดซื้อ
Accounts Receivable - ระบบบัญชีลูกหนี้
Accounts Payable - ระบบบัญชีเจ้าหนี้
Inventory Control - ระบบสินค้าคงเหลือ
General Ledger - ระบบบัญชีแยกประเภท
Financial Management - ระบบงบการเงิน
Budget Control - ระบบควบคุมงบประมาณ
Cheque and Bank - ระบบเช็คและธนาคาร
Import & Export - ระบบนำเข้าและส่งออกข้อมูล
Multi-Currency - ระบบอัตราแลกเปลี่ยนสกุล
Value Added Tax - ระบบภาษี
Audit & Internal Control - ระบบตรวจสอบและควบคุมภายใน
Fixed Assets - ระบบคำนวณค่าเสื่อมราคา
Payroll - ระบบคำนวณเงินเดือน
ESS ระบบลาออนไลน์
Services
จองอบรม Online
วีดีโอสอนการใช้งาน
คู่มือการใช้งาน
คำถามที่พบบ่อย FAQs
บริการ Maintenance
วิธีการชำระเงิน
Download Brochure
ข้อเสนอแนะโปรแกรม
Partners
โครงการ Partners สำนักงานบัญชี
ลูกค้าอ้างอิง
News
ข่าวสาร
บทความบัญชี
บทความบริหาร
About Us
เกี่ยวกับเรา
แนวคิดการบริหาร
Office Location
ร่วมงานกับเรา
นโยบายการรักษาข้อมูล
Contact Us
ทดลองใช้งาน
หน้าแรก
News
บทความบัญชี
4 ขั้นตอนในการวิเคราะห์กระแสเงินสด
4 ขั้นตอนในการวิเคราะห์กระแสเงินสด
ย้อนกลับ
หน้าแรก
News
บทความบัญชี
4 ขั้นตอนในการวิเคราะห์กระแสเงินสด
4 ขั้นตอนในการวิเคราะห์กระแสเงินสด
ย้อนกลับ
การวิเคราะห์งบกระแสเงินสด เป็นหนึ่งในเครื่องมือในการวิเคราะห์งบการเงินที่น่าสนใจอีกวิธีหนึ่ง นอกเหนือจากการวิเคราะห์อัตราส่วนทางการเงิน หรือว่าการวิเคราะห์งบโดยวิธีแนวนอน วิธีแนวโน้ม วิธีแนวตั้ง หรือวิเคราะห์ร้อยละของยอดรวม
หลายๆ คนคงคุ้นเคยกับการวิเคราะห์งบกำไรขาดทุน และงบแสดงฐานะทางการเงินมาบ้างแล้ว แต่รู้หรือไม่ว่า หนึ่งในวิธีวิเคราะห์งบการเงินที่มีประโยชน์มากอีกวิธีหนึ่งก็คือ การวิเคราะห์กระแสเงินสด
การวิเคราะห์กระแสเงินสดนั้น เราจะ Focus ไปที่เงินสดของกิจการเท่านั้น ซึ่งจะมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวอย่างชัดเจนไม่เหมือนกับการวิเคราะห์แบบอื่นๆ ค่ะ
การวิเคราะห์กระแสเงินสด (Cash Flow Analysis) เป็นการวิเคราะห์แหล่งที่มา และแหล่งที่ไปของเงินสด โดย
แหล่งที่มา
คือ การได้รับเงินเข้ามาในบริษัท
ส่วนแหล่งที่ไป
ก็คือ การจ่ายเงินสดออกไป
ซึ่งจะดูทั้งเงินสดและรายการเทียบเท่าเงินสด ว่ามีการรับมาและจ่ายไปในระหว่างงวดบัญชี ที่ต้องการวิเคราะห์อย่างไร เงินสด ของกิจการที่เพิ่มขึ้นหรือลดลงนั้นได้มาจากแหล่งใด และมีการใช้เงินไปในเรื่องใด เพื่อทำความเข้าใจให้ลึกซึ้งยิ่งขึ้นเกี่ยวกับการไหลเวียนของเงินสดในกิจการ
ขั้นตอนในการวิเคราะห์งบกระแสเงินสด แบ่งเป็น 4 ขั้นตอนหลักๆ ได้แก่
1. วิเคราะห์แหล่งที่มาและการใช้ไปของเงินสดจากกิจกรรมทั้ง 3
ขั้นแรกนี้เป็นการวิเคราะห์ภาพรวมว่า ใน 3 กิจกรรม ได้แก่ กิจกรรมดำเนินงาน, กิจกรรมการลงทุน, และกิจกรรมจัดหาเงิน เราได้เงินสดมา และใช้เงินสดไปกับกิจกรรมใดเป็นหลัก
ที่สำคัญเราต้องดูว่า กระแสเงินสดจากกิจกรรมดำเนินงาน มีค่าเป็นบวก และเพียงพอสำหรับการใช้จ่ายในกิจการหรือไม่ หากเงินสดจากกิจกรรมดำเนินงานติดลบหรืออาจจะมีน้อยไป ซึ่งถ้าเทียบกับกิจกรรมการลงทุนและกิจกรรมจัดหาเงินอาจจะไม่เพียงพอในการดำเนินธุรกิจ ถ้าเป็นเช่นนี้ ผู้บริหารจะต้องเปลี่ยนกลยุทธ์ในการบริหารหรือไม่ หรือต้องทำอย่างไรเพื่อที่จะบริหารกระแสเงินสดที่มีให้สามารถดำเนินธุรกิจไปได้อย่างต่อเนื่อง
2. วิเคราะห์กระแสเงินสดจากกิจกรรมดำเนินงาน (CFO)
กระแสเงินสดจากกิจกรรมดำเนินงาน ส่วนใหญ่มักจะมีที่มาที่ไปจากธุรกิจหลัก คือ การขายสินค้า ซื้อวัตถุดิบ จ่ายค่าแรงพนักงาน เป็นต้น ใครๆ ก็อยากมีกระแสเงินสดจากการดำเนินงานเป็นบวกใช่ไหมคะ
การวิเคราะห์กระแสเงินสดในกิจกรรมนี้ ต้องดูว่าเงินสดที่ได้มามีองค์ประกอบสำคัญมาจากรายการใด กระแสเงินสดจากกิจกรรมดำเนินงานมีค่ามากกว่าหรือน้อยกว่ากำไรสุทธิในงบกำไรขาดทุน และมีสาเหตุมาจากอะไร เช่น หากกำไรเยอะๆ ในงบกำไรขาดทุน แต่กระแสเงินสดจากการดำเนินงานน้อยมาก แสดงว่าเราอาจจะยังบริหารเงินสดได้ไม่ดีพอค่ะ
3. วิเคราะห์กระแสเงินสดจากกิจกรรมลงทุน (CFI)
กระแสเงินสดจากกิจกรรมการลงทุน ส่วนใหญ่มักจะเกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลงไปของส่วนของสินทรัพย์ไม่หมุนเวียน เช่น ซื้อที่ดินเพิ่ม สร้างโรงงานเพิ่ม นี่ก็เป็นสาเหตุทำให้กระแสเงินสดจากกิจกรรมลงทุนติดลบ
การติดลบของกระแสเงินสดจากกิจกรรมลงทุนนั้นไม่ได้เลวร้ายเสมอไป หากเรามีแผนงานรองรับในอนาคต เช่น การขยายโรงงานเพิ่มต้องลงทุนเยอะๆ ในปีนี้ และคาดการณ์ว่าจะสร้างรายได้จากกิจกรรมดำเนินงานในอนาคต 2 เท่า
การวิเคราะห์กระแสเงินสดในกิจกรรมการลงทุน ต้องรู้ว่ากระแสเงินสดสุทธิที่เป็นบวกหรือลบ มีองค์ประกอบสำคัญมาจากรายการใด และคาดหวังว่าในอนาคตจะได้ผลตอบแทนอย่างไร
4. วิเคราะห์กระแสเงินสดจากกิจกรรมจัดหาเงิน (CFF)
การจัดหาเงินอาจมาจากการกู้เงิน หรือการเพิ่มทุนในส่วนของผู้ถือหุ้น โดยหากกู้เงินจากสถาบันการเงินหรือบุคคลที่สามคือจะต้องมีดอกเบี้ยจ่ายเกิดขึ้น และสำหรับการเพิ่มทุน จะไม่ต้องจ่ายดอกเบี้ย แต่อย่างไรก็ตามผู้ถือหุ้นคาดหวังที่จะได้รับเงินปันผล ดังนั้นกิจการต้องแพลนว่าการจัดหาเงินด้วยวิธีใด คุ้มค่า และเหมาะสำหรับกิจการ
การวิเคราะห์กระแสเงินสดกระแสเงินสดจากกิจกรรมจัดหาเงิน ให้ดูว่ามีองค์ประกอบสำคัญมาจากรายการใด หากกิจการมีการจัดหาเงินได้มาก กิจการมีแผนที่จะจัดการกับต้นทุนทางการเงินที่เกิดขึ้นอย่างไร และกิจการคาดว่าจะสร้างรายได้จากการประกอบการในอนาคตจากเงินที่จัดหามาอย่างไร สุดท้ายมีกำไรเพื่อไปจ่ายดอกเบี้ย หรือเงินปันผลในอนาคตอย่างไรบ้างนั่นเองค่ะ
การวิเคราะห์งบกระแสเงินสด คือการที่กิจการมีเงินสดที่ได้รับมา และได้จ่ายไปจากกิจกรรมใดเป็นหลักและมีความสามารถที่จะดำเนินต่อไปได้ในอนาคตหรือไม่
งบกระแสเงินสดเป็นสิ่งที่ผู้บริหารให้ความสนใจ โดยเฉพาะบัญชีเงินสดที่ปรากฏอยู่ในงบการเงิน จัดเป็นรายการหนึ่งที่แสดงถึงสภาพคล่องของกิจการว่าเป็นอย่างไร มีความคล่องตัวในการดำเนินงานเพียงใด เพื่อใช้เป็นแนวทางในการตัดสินใจดำเนินงานต่าง ๆ ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับเงินสดเป็นสำคัญ
ดังนั้น นักบัญชีควรให้ความสนใจกับการวิเคราะห์กระแสเงินสดกันค่ะ เพราะในโลกความเป็นจริงแล้วเราอาจจะเจอหลายๆ บริษัทที่กำไรเบ่งบาน แต่เงินสดไม่พอใช้ สภาพคล่องทางการเงินไม่ค่อยดีนักอยู่เต็มไปหมดเลยค่ะ
ที่มา : thaicpdathome.com
งบกระแสเงินสด
17094
ผู้เข้าชม
บทความที่เกี่ยวข้อง
กรณีที่จะขอหนังสือรับรองการหักภาษีเงินได้ ณ ที่จ่ายมีเอกสารอะไรบ้าง
กรณีที่จะขอหนังสือรับรองการหักภาษีเงินได้ ณ ที่จ่ายมีเอกสารอะไรบ้าง
กรณีที่จะขอหนังสือรับรองการหักภาษีเงินได้ ณ ที่จ่ายมีเอกสารอะไรบ้าง
เช็คเงื่อนไขค่าเบี้ยประกัน หักลดหย่อนภาษีได้เท่าไหร่
เช็คเงื่อนไขค่าเบี้ยประกัน หักลดหย่อนภาษีได้เท่าไหร่
ค่าเบี้ยประกันสามารถนำมาเป็นค่าลดหย่อน สำหรับยื่นแบบบแสดงรายการภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาได้ แต่ไม่ใช่ว่าเบี้ยประกันจากกรมธรรม์ทุกประเภทจะนำมาขอใช้สิทธิลดหย่อนภาษีได้เสมอไป จะต้องเป็นกรมธรรม์ตรงตามเงื่อนไขที่กฎหมายกำหนด สำหรับผู้เสียที่ต้องการใช้สิทธิในส่วนนี้ ต้องทำความเข้าใจถึงค่าเบื้ยประกันที่สามารถนำมาลดหย่อนภาษีได้ โดยแยกตามประเภทของเบี้ยประกันดังนี้
3 เหตุผลที่ทำไมโปรแกรมหรือซอฟต์แวร์บัญชีจึงมีประโยชน์
3 เหตุผลที่ทำไมโปรแกรมหรือซอฟต์แวร์บัญชีจึงมีประโยชน์
การจัดการการเงินของธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็นค่าใช้จ่าย, ใบเสร็จและสเปรดชีตของรายได้ จำเป็นต้องใช้วิธีต่าง ๆ ในการรวบรวมข้อมูลและวิเคราะห์ข้อมูลทางการเงินที่ค่อนข้างซับซ้อน ซึ่งถ้าหากไม่รอบคอบอาจมีความเสี่ยงทำให้ข้อมูลทางการเงินของธุรกิจผิดพลาดได้ อย่างไรก็ตามสามารถแก้ไขปัญหาเหล่านั้นได้ด้วยซอฟต์แวร์หรือระบบบัญชีที่ถูกต้อง โดยการจัดเตรียมไฟล์บัญชีที่ทันสมัย ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญโดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเวลาของการเสียภาษี ทำให้หลาย ๆ ธุรกิจหันมาพึ่งโปรแกรมหรือซอฟต์แวร์บัญชีเพราะมันสามารถสร้างประโยชน์ให้กับธุรกิจได้มากมายดังต่อไปนี้
รายการปรับปรุงบัญชีที่มักหลงลืม มีอะไรบ้าง? ป้องกันได้อย่างไร?
รายการปรับปรุงบัญชีที่มักหลงลืม มีอะไรบ้าง? ป้องกันได้อย่างไร?
ณ วันสิ้นงวดบัญชี สิ่งหนึ่งที่สำคัญที่นักบัญชีต้องทำก่อนการจัดทำงบการเงิน คือ ปิดบัญชี ปรับปรุงรายการบัญชี และแก้ไขข้อผิดพลาดจากการบันทึกบัญชีต่างๆ เพื่อให้การจัดทำงบการเงินถูกต้องตรงตามความเป็นจริงมากที่สุดซึ่งแน่นอนว่า ในการปรับปรุงปิดบัญชี ณ วันสิ้นงวด จะมีรายการที่เคยรับรู้ในระหว่างงวดมาก่อน แต่ต้องทำการปรับปรุงให้ถูกต้องตอนสิ้นปี หรือบางรายการที่ไม่เคยรับรู้มาก่อน แต่ต้องทำการปรับปรุงการบันทึกบัญชีให้ถูกต้องตามหลักเกณฑ์คงค้างในการปรับปรุงรายการบันทึกบัญชี มีโอกาสที่นักบัญชีจะปรับปรุงรายการได้ไม่ครบถ้วน ในบทความนี้เรารวบรวมรายการที่มักลืมปรับปรุงตอนปิดบัญชีบ่อยๆ มาให้เพื่อนๆ สำรวจตัวเองกันค่ะ
ภาษีซื้อต้องห้าม! สิ่งสำคัญที่ควรรู้
ภาษีซื้อต้องห้าม! สิ่งสำคัญที่ควรรู้
ภาษีซื้อต้องห้าม! สิ่งสำคัญที่ควรรู้ ถ้าพูดถึงเรื่องภาษีซื้อต้องห้ามแล้ว ผู้ประกอบการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มมือใหม่บางท่าน อาจจะยังไม่เข้าใจว่าคืออะไร เกี่ยวข้องกับธุรกิจของเราอย่างไร ซึ่งในบทความนี้จะพูดถึงภาษีซื้อต้องห้ามมีลักษณะอย่างไรรวมถึงบทกำหนดโทษในกรณีที่เรานำภาษีซื้อต้องห้ามมาใช้
อยากเปิด สำนักงานบัญชี มีองค์ประกอบอะไรบ้าง
อยากเปิด สำนักงานบัญชี มีองค์ประกอบอะไรบ้าง
สร้างเว็บไซต์สำเร็จรูปฟรี
By SoGoodWeb.com