เจ้าหน้าที่สรรพากรจะรับรู้รายได้ที่เรามีได้อย่างไร

เจ้าหน้าที่สรรพากรจะรับรู้รายได้ที่เรามีได้อย่างไร


อยากวางแผนภาษีของกิจการให้ดี แต่ไม่รู้เลยว่า #เจ้าหน้าที่สรรพากรจะรับรู้รายได้ที่เรามีได้อย่างไร คุณกำลังเป็นแบบนี้อยู่ใช่มั้ย?
 
ที่เป็นเช่นนี้ เกิดจาก 2 สาเหตุ คือ   

1. ไม่ทราบว่าต้องเสียภาษีประเภทไหน เพราะเปิดเป็นร้านขายของธรรมดาปกติ จึงไม่ทราบว่ารายได้ที่มีเข้าเกณพ์เสียภาษีหรือไม่
2. ไม่ได้ติดตามข่าวสารภาษี ทุกทีที่เสียภาษีก็ประเมินคร่าว ๆ
 
หากปล่อยให้ไม่มีความเข้าใจในเรื่องการรับรู้รายได้ของกรมสรรพากร เช่นนี้ต่อไป จะทำให้กิจการหรือร้านค้าของคุณไม่ได้ยื่นภาษีตามที่สรรพากกำหนด เพราะคิดว่ากิจการขายของธรรมดา รายได้ไม่น่าถึงยอดที่สรรพกรกำหนด สุดท้ายละเลยหน้าที่ผู้เสียภาษีที่ดี รู้ตัวอีกที ก็มีหนังสือเชิญเข้าพบ จุดจบคือถูกประเมินภาษีโดยเจ้าหน้าที่ ค่าใช้จ่ายตามมาที่มีอาจเป็นค่าปรับ พร้อมกับเงินเพิ่ม คุณคงต้องรู้สึกไม่สบายใจ ที่ต้องไปพบกับเจ้าหน้าที่ เพราะคำตอบที่มีอาจไม่ชัดเจน ใช่มั้ยคะ
 
เราคนไทยทุกคนทราบกันดีอยู่แล้ว ว่าผู้ใดมีเงินได้ผู้นั้นเป็นผู้หน้าที่เสียภาษีเงินได้ แต่เชื่อว่าหลายท่านยังไม่รู้เลยว่า เราจะต้องเสียภาษีจากยอดอะไร และเจ้าหน้าที่สรรพากรนั้นจะรับรู้รายได้ของเราได้อย่างไร
 
ต่อไปนี้คือ 5 ช่องทางที่เจ้าหน้าที่สรรพากรจะรับรู้รายได้ที่เรามี ตามไปดูกันเลยดีกว่าค่ะ

1. มีหน้าร้าน แน่นอนอยู่แล้วเมื่อเรามีหน้าร้าน ทางเจ้าหน้าที่สรรพากรก็สามารถเข้ามา เพื่อนับจำนวนการขายต่อวัน และประมาณการรายได้ของเราที่หน้าร้านได้เลยค่ะ อย่างเช่นร้านขายวัสดุก่อสร้าง ร้านค้าส่ง หรือ ซูเปอร์มาร์เก็ต
2. ประเมินรายได้จากการที่กิจการถูกหักภาษี ณ ที่จ่าย กรณีนี้จะเกิดขึ้นเมื่อเราให้บริการกับลูกค้า แล้วถูกลูกค้าที่เป็นบริษัท หรือห้างหุ้นส่วน หักภาษี ณ ที่จ่ายไว้ แล้วนำส่งให้สรรพากร ทางสรรพากรก็จะรับรู้รายได้ก้อนนั้นทันทีที่ถูกนำส่งค่ะ กรณีนี้จากประสบการณ์ทำงานที่ผ่านมา พบว่ามีผู้ประกอบการที่เป็นบุคคลธรรมดา ให้บริการกับลูกค้าที่เป็นบริษัทแล้วถูกหัก ณ ที่จ่ายทุกครั้ง แต่ผู้ประกอบการรายนี้ไม่มีความรู้เรื่องภาษี จึงไม่เคยยื่นแบบเสียภาษี สุดท้ายถูกประเมินภาษีย้อนหลัง และเข้าข่ายต้องจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มอีกด้วยค่ะ

3. ธุรกิจออนไลน์ ที่มีการ Live สด กรณีนี้เจ้าหน้าที่สรรพากรสามารถเข้าดู Live สด และนับยอดการ Live ได้ค่ะ

4. กฏหมาย #ภาษีอีเพย์เมนต์ พ.ศ. 2562 หรือกฏหมายเงินเข้าบัญชีธนาคาร
ซึ่งมี 2 เงื่อนไข ดังนี้ค่ะ
  4.1 เงื่อนไขที่ 1 เงินเข้าทุกบัญชี 400 ครั้งขึ้นไป และมียอดเงินรวมกันเกิน 2 ล้านบาท
  4.2 เงื่อนไขที่ 2 เงินเข้าทุกบัญชี ตั้งแต่ 3,000 ครั้ง/ปี ขึ้นไป (ไม่ว่าจะรับครั้งละกี่บาท)
 5. ขายของ Shoopee, Lazada กรณีนี้จะมีแจ้งยอดที่ขายได้อยู่ในระบบ พร้อมราคาสินค้าแต่ละชนิด ทำให้เจ้าหน้าที่สรรพากร สามารถประมาณรายได้ของร้านค้าหรือกิจการได้ค่ะ
 
และเมื่อคุณทราบแล้วว่า เจ้าหน้าที่สรรพากรรับรู้รายได้ของเราจากช่องทางไหน คุณเองก็จะประมาณรายได้ของตัวเองที่ต้องเสียภาษีได้ เพื่อจะได้วางแผนการเงิน และในเรื่องการยื่นชำระภาษีต่อไปค่ะ

สามารถอ่านบทความน่าสนใจอื่นๆได้ ที่นี่ คลิ๊ก!!

ที่มา : Link

 545
ผู้เข้าชม

บทความที่เกี่ยวข้อง

การวางแผนภาษีสิ้นปีเป็นกระบวนการในการจัดการเรื่องการเงินเพื่อผลประโยชน์ทางภาษีประจำปีที่ดีที่สุด ซึ่งรวมถึงการกำหนดเวลาการขายการซื้อหรือการเปลี่ยนแปลงบางอย่างเพื่อให้สามารถดำเนินการในกรอบเวลาที่ดีที่สุด การชะลอการกระทำหรือสร้างความมั่นใจว่ากิจกรรมบางอย่างเกิดขึ้นก่อนสิ้นปีจะมีผลอย่างมากต่อการเรียกเก็บภาษี มีปัจจัยภายในและภายนอกหลายประการที่อาจส่งผลกระทบต่อการวางแผนภาษีสิ้นปีเช่นกัน
บัญชีที่ทำกันโดยทั่วไป ได้แก่ บัญชีเงินเดือน (payroll) การออกใบกำกับสินค้า (invoice) บัญชีลูกหนี้ (account receivable) การรับเงิน (cash receipts) บัญชีเจ้าหนี้ (account payable) การพิมพ์เช็คและหักบัญชี (check writing and reconciliation) เป็นต้น
ในช่วง Covid-19 อย่างงี้ อยู่บ้านปลอดภัยที่สุด กรมสรรพากรแนะนำให้ผู้ประกอบการและประชาชนทำธุรกรรมทางภาษีที่บ้าน “TAX from Home”  ง่าย สะดวก ปลอดภัย ไม่ต้องเดินทาง ป้องกัน การแพร่ระบาดของ COVID – 19 และยังได้รับการยกเว้นค่าธรรมเนียมการใช้บริการ ชำระภาษีออนไลน์จากธนาคารที่ร่วมโครงการอีกด้วย
ในการประกอบธุรกิจ อาจจะมีเงื่อนไขต่างๆ ที่ตกลงกันทางธุรกิจ ทำให้บริษัทต้องตั้งประมาณการหนี้สินที่อาจเกิดขึ้น ซึ่งหนี้สินที่อาจจะเกิดขึ้นเหล่านี้มักจะถูกบันทึกบัญชี เดบิต ค่าใช้จ่าย และเครดิต หนี้สินหลายท่านจึงมีคำถามในใจว่า แล้วค่าใช้จ่ายเกิดจากการประมาณการหนี้สินที่อาจเกิดขึ้นเหล่านี้ สามารถรับรู้เป็นค่าใช้จ่ายทางภาษีได้มั้ย หรือจะต้องบวกกลับทางภาษีเวลาที่คำนวณภาษีเงินได้นิติบุคคลก่อนที่จะตอบคำถามประเด็นค่าใช้จ่ายทางภาษี อาจจะต้องเริ่มต้นทำความเข้าใจที่มาที่ไปของรายการนี้ในทางบัญชีกันก่อน
ภาษีเงินได้หมายถึงภาษีทั้งสิ้นที่กิจการต้องจ่ายทั้งภายในและภายนอกประเทศ ซึ่งเป็นภาษีเงินได้ที่คำนวณจากกำไร นอกจากนี้ภาษีเงินได้ยังรวมถึงภาษีประเภทอื่น เช่น ภาษีหักณ.ที่จ่ายของบริษัท บริษัทร่วม หรือกิจการร่วมค้าหักไว้จากการแบ่งปันส่วนทุนหรือกำไรให้กับกิจการ ในการดำเนินธุรกิจนั้น เมื่อมีกำไรธุรกิจจะต้องจ่ายภาษีเงินได้นิติบุคคลให้แก่รัฐบาล ซึ่งภาษีเงินได้ดังกล่าวนั้นถูกคำนวณขึ้นตามกฎหมายของภาษีอากร โดยใช้ระเบียบใช้แนวทางปฏิบัติของกรมสรรพากร ซึ่งกฎหมาย ระเบียบ หรือแนวปฏิบัตินั้นอาจแตกต่างจากวิธีการทางบัญชีของกิจการซึ่งได้กระทำตามหลักการบัญชีที่รับรองทั่วไป กำไรสุทธิที่คำนวณตามหลักการบัญชีจึงแตกต่างจากกำไรสุทธิตามหลักเกณฑ์ภาษีอากร จึงมีผลทำให้ภาษีเงินได้นิติบุคคลที่บันทึกเป็นค่าใช้จ่ายตามหลักการบัญชีแตกต่างจากภาษีเงินได้นิติบุคคลซึ่งคำนวณจากกำไรสุทธิเพื่อเสียภาษีอากร จำนวนที่แตกต่างนั้นก็คือ ภาษีเงินได้รอการตัดบัญชีนั่นเอง
ภาษีหัก ณ ที่จ่าย ก็คือ “เงิน” ที่ผู้จ่ายเงิน “หัก” ไว้ก่อนที่จะจ่ายให้กับผู้รับเงิน แล้วเอาเงินนั้นไปให้กับรัฐ นั่นทำให้ผู้รับเงินไม่ได้รับเงินเต็มจำนวนครับ แต่จะได้เงินบวกกระดาษแผ่นนึงที่เรียกว่า “หนังสือรับรองหัก ณ ที่จ่าย” ส่วนผู้จ่ายเงินยังต้องจ่ายเต็มนะครับ เพียงแต่จ่ายให้กับผู้รับเงินโดยตรงส่วนนึง แล้วให้สรรพากรอีกส่วนนึง หน้าที่หัก ณ ที่จ่าย เป็นหน้าที่ของผู้จ่าย ทั้ง บุคคลธรรมดา และ นิติบุคคล

สร้างเว็บไซต์สำเร็จรูปฟรี ร้านค้าออนไลน์