เครดิตภาษีเงินปันผล

เครดิตภาษีเงินปันผล


สำหรับนักลงทุนที่ยังไม่ทราบว่า เครดิตภาษีเงินปันผลคืออะไร อยากเครดิตภาษีต้องทำอย่างไร แล้วจะรู้ได้อย่างไรว่าควรใช้เครดิตภาษีหรือไม่ เราลองมาไขปัญหาคาใจ เหล่านี้กัน

1.เครดิตภาษีเงินปันผลคืออะไร เกิดจากอะไร

       เครดิตภาษีเงินปันผลเป็นอีกสิทธิประโยชน์ของผู้ถือหุ้นที่สามารถขอคืนภาษีจากกรมสรรพากรได้ เนื่องมาจากความซ้ำซ้อนในการจัดเก็บภาษีเงินได้

       พูดง่ายๆ คือ “เงินปันผล” มาจากกำไรสุทธิของบริษัท แต่กำไรสุทธินี้ได้เสียภาษีไปแล้วครั้งหนึ่งในรูปของภาษีเงินได้นิติบุคคล และเมื่อบริษัทนำกำไรสุทธิมาจ่ายเป็นเงินปันผล นักลงทุนยังต้องถูกหักภาษี ณ ที่จ่ายอีก 10% ซึ่งตามกฎหมายถือเป็นการ

       เสียภาษีซ้ำซ้อนจากกำไรก้อนเดียวกัน ภาครัฐจึงอนุญาตให้นักลงทุนขอ “เครดิตภาษีเงินปันผล” คืนได้ บางส่วน นักลงทุนสามารถดูอัตราภาษีเงินได้นิติบุคคลของบริษัทได้จาก หนังสือรับรองหักภาษี ณ ที่จ่าย ซึ่งนักลงทุนต้องเก็บหนังสือรับรองนี้ไว้เป็นหลักฐาน เผื่อกรณีที่กรมสรรพากรขอหลักฐานเพิ่มเติมภายหลังด้วย

2.อยากเครดิตภาษีเงินปันผลต้องทำอย่างไร

       ก่อนอื่นต้องพิจารณาว่า... เงินปันผลที่ได้รับสามารถใช้เครดิตภาษีได้หรือไม่ วิธีง่ายๆ ให้ดูว่า บริษัทที่จ่ายเงินปันผลให้เรานั้นเสียภาษีนิติบุคคล หรือไม่

       ถ้าบริษัทนั้น “เสียภาษี” นักลงทุน สามารถใช้เครดิตภาษีเงินปันผลได้ แต่จะนำมาเครดิตได้ในอัตราเท่าใด ขึ้นอยู่กับว่าบริษัทที่ลงทุนเสียภาษีเงินได้นิติบุคคลในอัตราร้อยละเท่าใด นำอัตราภาษีมาแทนค่าตามสูตรข้างต้น จะได้สัดส่วนการเครดิตภาษีเงินปันผล หรือถ้าบริษัท เสียภาษีเงินได้นิติบุคคลหลายอัตรา ก็จะแยกคำนวณตามเงินปันผลในแต่ละอัตรา ซึ่งจะระบุชัดเจนอยู่ในหนังสือรับรองหัก ณ ที่จ่าย

       แต่ถ้าบริษัทนั้น “ไม่เสียภาษี” นักลงทุนจะ ไม่สามารถใช้เครดิตภาษีเงินปันผลได้ นักลงทุนอาจต้องพิจารณาต่อว่าบริษัทไม่เสียภาษี
เนื่องจากอะไร เช่น

  • เป็นกิจการที่ได้รับการส่งเสริมการลงทุน (Board of Investment : BOI)
  • กฎหมายพิเศษยกเว้น เช่น พาณิชย์นาวี ซึ่งบริษัทเรือหรืออู่เรือส่วนใหญ่เข้าข่ายเกณฑ์ข้อนี้ แต่อาจต้องตรวจสอบกับบริษัทนั้นๆ อีกครั้งว่า... จดทะเบียนยกเว้นตามกฎหมายหรือไม่

3.ควรนำเงินปันผลที่ได้รับมารวมคำนวณภาษีและใช้เครดิตภาษีเงินปันผลหรือไม่

       เทคนิคคร่าวๆ ว่า… จะเลือกใช้เครดิตภาษีเงินปันผลหรือไม่ ให้พิจารณาจาก ฐานภาษีเงินได้ของนักลงทุน เปรียบเทียบกับ อัตราภาษีเงินได้นิติบุคคล ของบริษัทที่นักลงทุนได้รับเงินปันผล

ถ้าฐานภาษีเงินได้ของเรา > อัตราภาษีเงินได้ของบริษัท ไม่ควรใช้เครดิตภาษีเงินปันผล”

ถ้าฐานภาษีเงินได้ของเรา < อัตราภาษีเงินได้ของบริษัท ควรใช้เครดิตภาษีเงินปันผล”

       ข้อควรระวังในการเลือกใช้เครดิตภาษีเงินปันผล คือ หากตัดสินใจเลือกนำเงินปันผลมาเครดิตภาษีแล้ว จะต้องนำเงินปันผลทุกรายการที่ได้รับมาคำนวณ จะเลือกนำเฉพาะรายการใดรายการหนึ่งไม่ได้

       เมื่อรู้อย่างนี้แล้ว... อย่าลืมไปใช้สิทธิขอคืนภาษีกันเชียว ถึงจะเป็นเงินจำนวนไม่มาก แต่รวมกันหลายๆ ปีก็คงเป็นเงินจำนวนไม่น้อย หรือหากท่านใดไม่ประสงค์จะขอคืน ก็สามารถบริจาคเงินภาษีให้รัฐบาลนำไปพัฒนาประเทศในด้านต่างๆ ต่อไป

แหล่งที่มา : Link

 1641
ผู้เข้าชม

บทความที่เกี่ยวข้อง

การดำเนินธุรกิจใดก็ตามมีจุดประสงค์ร่วมกันอยู่หนึ่งอย่างคือ แสวงหากำไรหรือรายได้รายได้ให้ได้มากที่สุด ซึ่งแน่นอนว่าสินค้าก็เป็นส่วนประกอบหนึ่ง ในปัจจุบันผลผลิตของบริษัทแบ่งเป็นสองประเภทคือการขายสินค้าและการให้บริการ ซึ่งการบันทึกบัญชีเกี่ยวกับการจัดการสินค้าตั้งแต่การสั่งซื้อจนไปถึงการ ขายออกไปจำเป็นต้องอาศัยข้อสันนิษฐาน เพราะจำนวนสินค้าเข้าออกในแต่ละบริษัทมีจำนวนมาก และหากบันทึกสินค้าทุกชิ้นย่อมทำให้เกิดค่าใช้จ่ายสูง และประโยชน์ที่ได้รับก็อาจยังไม่คุ้มค่ากับผลที่ได้อีกด้วย
หน้าที่หนึ่งที่นิติบุคคลต้องทำทุกปีคือ จัดให้มี "ผู้สอบบัญชี" ตรวจสอบและรับรองงบการเงินของนิติบุคคลวันนี้เราจะมาทำความรู้จักผู้สอบบัญชีกันค่ะ
แนวทางการบันทึกบัญชี ธุรกิจซื้อมาขายไป การขายสินค้าออนไลน์
การจัดการการเงินของธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็นค่าใช้จ่าย, ใบเสร็จและสเปรดชีตของรายได้ จำเป็นต้องใช้วิธีต่าง ๆ ในการรวบรวมข้อมูลและวิเคราะห์ข้อมูลทางการเงินที่ค่อนข้างซับซ้อน ซึ่งถ้าหากไม่รอบคอบอาจมีความเสี่ยงทำให้ข้อมูลทางการเงินของธุรกิจผิดพลาดได้ อย่างไรก็ตามสามารถแก้ไขปัญหาเหล่านั้นได้ด้วยซอฟต์แวร์หรือระบบบัญชีที่ถูกต้อง โดยการจัดเตรียมไฟล์บัญชีที่ทันสมัย ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญโดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเวลาของการเสียภาษี ทำให้หลาย ๆ ธุรกิจหันมาพึ่งโปรแกรมหรือซอฟต์แวร์บัญชีเพราะมันสามารถสร้างประโยชน์ให้กับธุรกิจได้มากมายดังต่อไปนี้
ความเสี่ยงเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นกับทุกองค์กรธุรกิจ เป็นโอกาสที่จะเกิดความผิดพลาด ความเสียหาย การรั่วไหล ความสูญเปล่าหรือเหตุการณ์ที่ไม่พึงประสงค์ ซึ่งอาจเกิดขึ้นในอนาคต และมีผลกระทบ ที่จะทำให้การดำเนินงานไม่ประสบความสำเร็จหรือบรรลุตามวัตถุประสงค์และเป้าหมายขององค์กร ที่กำหนดไว้ งานบัญชีเป็นงานที่มีความสำคัญมากของทุกองค์กร มีความเกี่ยวข้องกับข้อมูลบัญชีและ การเงิน ซึ่งต้องมีความถูกต้องสำหรับผู้ประกอบการนำไปใช้ในการตัดสินใจ และมีความน่าเชื่อถือ สำหรับบุคคลภายนอกที่เกี่ยวข้อง อย่างไรก็ตามงานบัญชีก็มีความเสี่ยงต่อการเกิดข้อผิดพลาดซึ่งจะก่อ ให้เกิดความเสียหายต่อองค์กร ผู้ประกอบการจะรับมือกับความเสี่ยงในงานบัญชีได้อย่างไร บทความนี้ มีคำตอบ

สร้างเว็บไซต์สำเร็จรูปฟรี ร้านค้าออนไลน์