กองทุนสํารองเลี้ยงชีพ อยู่มานานอย่าลืมคำนวณให้ดีก่อนลาออก

กองทุนสํารองเลี้ยงชีพ อยู่มานานอย่าลืมคำนวณให้ดีก่อนลาออก


“ลาออก” เป็นหนึ่งสิ่งที่เชื่อได้ว่าต้องเคยเกิดขึ้นในชีวิตของคนแทบทุกคน ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลที่ว่าอยากเปลี่ยนงาน หรือจะเกษียณก็ตาม นอกจากการวางแผนหางานใหม่ การทำเรื่องลาออกกับบริษัท จัดการเอกสารต่าง ๆ การวางแผนการเงินก็เป็นอีกเรื่องสำคัญที่หลายคนให้ความสำคัญ แต่อาจจะมีเรื่องเงิน ๆ ทอง ๆ ที่หลายคนมองข้ามในช่วงลาออก นั่นก็คือการจัดการเงินที่อยู่ใน “กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ”

กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ หรือ Provident Fund

คือ กองทุนที่นายจ้างและลูกจ้างร่วมกันจัดตั้งขึ้นด้วยความสมัครไจ เอาไว้เป็นเงินออมให้ลูกจ่ายได้ใช้จ่ายตอนเกษียณอายุ ออกจากงาน หรือทุพพลภาพ หรือเป็นหลักประกันให้แก่ครอบครัวหากลูกจ้างเสียชีวิต ซึ่งเงินจำนวนนี้จะถูกหักออกจากเงินเดือนของลูกจ้างทุกเดือน เรียกว่า “เงินสะสม” และนายจ้างมักจะช่วยสะสมเงินอีกครึ่งหนึ่งเข้าไป เรียกว่า “เงินสมทบ”

จากนั้นก็จะนำเงินจำนวนนี้ไปลงทุนในกองทุนหรือหลักทรัพย์ต่าง ๆ ให้มีผลกำไรงอกเงยต่อไป ซึ่งหากลูกจ้างตัดสินใจลาออกแล้ว เงินในกองทุนสำรองเลี้ยงชีพก็เป็นเงินอีกก้อนหนึ่งที่ลูกจ้างต้องวางแผนจัดการด้วย แนะนำให้อ่านและทำความเข้าใจกับเงื่อนไขและข้อบังคับของกองทุนที่บริษัทใช้ลงทุนก่อนเพื่อให้สามารถตัดสินใจได้ว่าจะวางแผนจัดการกับเงินก้อนนี้อย่างไรดี

โดยที่เงินในกองทุนสำรองเลี้ยงชีพจะแบ่งออกเป็นหลัก ๆ 2 ประเภท คือ

  1. เงินสะสมและผลประโยชน์จากเงินสะสม เป็นเงินส่วนที่ลูกจ้างหรือสมาชิกกองทุนสำรองเลี้ยงชีพจ่ายสะสมเข้ามาที่กองทุนทุกเดือน ซึ่งถ้าความเป็นสมาชิกกองทุนสิ้นสุดลง ลูกจ้างมีสิทธิได้รับเงินก้อนนี้รวมไปถึงดอกเบี้ยหรือผลประโยชน์ที่ได้จากเงินกองนี้เต็มจำนวนไม่ว่าจะอยู่ในกรณีใด ๆ
  2. เงินสมทบและผลประโยชน์จากเงินสมทบ เป็นเงินส่วนที่นายจ้างช่วยจ่ายสมทบเข้ากองทุนสำรองเลี้ยงชีพให้กับลูกจ้าง ซึ่งถ้าเกิดลูกจ้างลาออกหรือความเป็นสมาชิกกองทุนสิ้นสุดลง ลูกจ้างอาจจะได้เงินส่วนนี้คืนไม่เต็มจำนวน ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขและข้อบังคับของกองทุน ซึ่งส่วนใหญ่แล้วบริษัทจะกำหนดคืนเงินส่วนนี้ให้กับลูกจ้างตามเงื่อนไขอายุงานที่ลูกจ้างทำงานกับบริษัท เพื่อเป็นการรักษาพนักงานให้ทำงานกับบริษัทในระยะยาว

มาดูตัวอย่างการคืนเงินสมทบและผลประโยชน์จากเงินกองนี้กัน

อายุงานน้อยกว่า 1 ปี มีสิทธิได้รับเงินสมทบ 10%

อายุงานตั้งแต่ 1 ขึ้นไป แต่ไม่ถึง 2 ปี มีสิทธิได้รับเงินสมทบ 20%

อายุงานตั้งแต่ 2 ขึ้นไป แต่ไม่ถึง 3 ปี มีสิทธิได้รับเงินสมทบ 40%

อายุงานตั้งแต่ 3 ขึ้นไป แต่ไม่ถึง 4 ปี มีสิทธิได้รับเงินสมทบ 50%

อายุงานตั้งแต่ 4 ขึ้นไป แต่ไม่ถึง 5 ปี มีสิทธิได้รับเงินสมทบ 80%

อายุงานมากกว่า 5 ปี ขึ้นไป มีสิทธิได้รับเงินสมทบ 100%

หากมีการนำเงินออกจากกองทุนสำรองเลี้ยงชีพจะต้องมีการเสียภาษีจากเงินที่เป็นผลประโยชน์ที่ได้จากกองทุน แต่ถ้าลูกจ้างมีอายุครบ 55 ปี จะถือว่า “เกษียณอายุ” หากนำเงินออกจากกองทุนหลังจากช่วงอายุนี้จะได้รับการยกเว้นภาษีจากเงินทั้งจำนวน

ถ้าลาออกแล้วจะทำอย่างไรกับกองทุนสำรองเลี้ยงชีพดี

เมื่อศึกษาเงื่อนไขและข้อบังคับของกองทุนสำรองเลี้ยงชีพที่ตัวเองส่งอยู่ดีแล้ว ก็มาถึงขั้นตอนการตัดสินใจว่าจะทำอย่างไรกับเงินส่วนนี้ดี ซึ่งมีอยู่ 3 ทางเลือกให้ได้ลองพิจารณา

  1. คงเงินไว้ในกองทุนสำรองเลี้ยงชีพเดิม

แม้ว่าตัวคุณจะลาออกจากบริษัทแล้ว แต่คุณก็ยังสามารถเลือกที่จะเก็บเงินของคุณไว้ในกองทุนสำรองเลี้ยงชีพเดิมได้ถ้าคุณยังถูกใจกับนโยบายของกองทุนสำรองเลี้ยงชีพของบริษัทเดิม แต่คุณจะต้องเสียค่าธรรมเนียมการคงเงินไว้จำนวน 500 บาทต่อปี

  1. โอนย้ายไปยังกองทุนสำรองเลี้ยงชีพของที่ทำงานใหม่

หากลองศึกษากองทุนสำรองเลี้ยงชีพของที่ทำงานใหม่แล้วเกิดถูกใจนโยบาย ก็สามารถเลือกที่จะย้ายเงินจำนวนนี้เข้าไปในกองทุนสำรองเลี้ยงชีพของที่ทำงานใหม่ได้เลย วิธีจะทำให้คุณไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียมคงเงินรายปี และก็เริ่มสะสมเงินและได้รับผลประโยชน์งอกเงิยจากกองทุนสำรองเลี้ยงชีพของที่ทำงานใหม่ต่อไปได้อย่างสบาย ๆ

  1. โอนย้ายไปยังกองทุนรวม RMF for PVD

วิธีนี้เหมาะมาก ๆ สำหรับคนที่ตัดสินใจลาออกจากงานแล้วมาทำธุรกิจส่วนตัว หรือเข้าทำงานที่ใหม่ที่ไม่มี Provident Fund เพราะไม่ต้องเสียภาษีตอนนำเงินออกจากกองทุน ไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียมคงเงินรายปี เพียงแต่แค่ทำเรื่องโอนย้ายเงินเข้ากองทุน RMF (Retirement Mutual Fund) หรือ “กองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ” ที่คุณสนใจจะลงทุนอยู่

แต่ข้อควรระวังก็คือ ไม่ใช่ทุก บลจ. ที่จะเปิดรับการโอนย้ายเงินเข้าไปได้ คุณความศึกษาเงื่อนไขและข้อบังคับของกองทุน RMF ที่คุณสนใจก่อนทำเรื่องโอนย้ายเงินเข้าไป

เป้าหมายหลักของกองทุนสำรองเลี้ยงชีพคือให้พนักงานบริษัทหรือลูกจ้างได้มีหลักประกันชีวิต มีเงินใช้ในยามแก่เฒ่า และสนับสนุนให้คนวางแผนการเงินและออมเงินในระยะยาว ดังนั้นคุณจึงควรที่จะศึกษาเงื่อนไข ข้อบังคับและนโยบายของกองทุนให้ดี ดูผลการดำเนินงานของกองทุนสำรองเลี้ยงชีพเป็นประจำทุกปี เพื่อจะได้วางแผนการเงินได้อย่างถูกต้องและเข้ากับไลฟ์สไตล์ชีวิตของคุณเอง

เมื่อถึงเวลาที่ต้อง “ลาออกครั้งสุดท้าย” อย่างน้อย ๆ คุณก็จะได้มีเงินจากกองทุนสำรองเลี้ยงชีพที่สะสมมาไปใช้จ่ายหรือลงทุนเลี้ยงชีวิตของคุณต่อไป

สามารถอ่านบทความน่าสนใจอื่นๆได้ ที่นี่ คลิ๊ก!!



ที่มา : LINK

 488
ผู้เข้าชม

บทความที่เกี่ยวข้อง

งานที่ปรึกษาทางธุรกิจ ไม่ใช่งานที่จะมีบรรจุเป็นหลักสูตรสาขาเหมือนสาขาบัญชี สาขาคอมพิวเตอร์ งานประเภทนี้จะต้องอาศัยความเชี่ยวชาญหลายๆด้านรวมกัน ดังนั้นทางเดินของสายอาชีพนี้ไม่อาจจะตายตัวได้ แต่อย่างไรก็ตามทุกอาชีพมีโอกาสเติบโต โดยส่วนใหญ่อาชีพนี้จะเริ่มจากการเป็นนักวิเคราะห์ ทำ Data Collection หรือ ทำ Research และ พัฒนากับทีมโปรแกรมเมอร์ ต่อมาอาจจะเป็น Consultant เพื่อหาแนวทางในการขับเคลื่อนองค์กรโดยรวม พร้อมทั้งสร้างโครงสร้างทีแข็งแกร่ง ส่วนขั้นตอนต่อๆไป คือ Senior Consultant เนื่องจากได้สะสมประสบการณ์มาแล้วได้เวลาเติบใหญ่เป็นหัวหน้าทีม จนสุดของเส้นทางคือเป็น Principal / Director นั่นเอง อาจต้องใช้เวลาซักนิดแต่ผลลัพธ์นั้นคุ้มค่าแรงกายแน่นอน ในบทความนี้จะพูดถึง คุณสมบัติของที่ปรึกษาทางธุรกิจ ที่ควรมีอะไรบ้าง
Consultant ( Business Consultant ) หรือ ที่ปรึกษาทางธุรกิจ คือการที่ให้คำปรึกษาต่อธุรกิจนั้นๆ เช่น การเพิ่มยอดขาย การทำกำไร ลดรายจ่าย รวมทั้งต้องวิเคราะห์หาวิธีการแก้ไขปัญหาต่างๆให้กับธุรกิจอีกด้วย โดยส่วนใหญ่แล้วมีเป้าหมายคือการที่ช่วยให้องค์กรพัฒนาไปในทางที่ดี ไปเติบโตเป็นธุรกิจที่มั่นคงและยั่งยืน
ก่อนอื่นเราต้องทำความเข้าใจก่อนว่าระบบบัญชีเงินเดือนคืออะไร ระบบจัดการบัญชีเงินเดือนเป็นเครื่องมือที่ช่วยในการติดตามบันทึกทางการเงินของพนักงาน และดำเนินการตามขั้นตอนการบริหาร ไม่เพียงแต่ติดตามเงินเดือนของพนักงาน แต่ยังมีเรื่องของโบนัส การหักเงิน และสิ่งจูงใจที่ได้รับ
ผู้ประกันตนแต่ละมาตราที่ส่งเงินสมทบประกันสังคม สามารถคัดสำเนาการนำส่งเงินสมทบ เพื่อนำไปลดหย่อนภาษีประจำปีได้ โดยแต่ละมาตราจะลดหย่อนได้สูงสุดเท่าไหร่ เช็คได้ที่นี่เลย
ในยุคที่มิจฉาชีพพร้อมเข้าถึงคุณทุกช่องทาง ไม่ว่าจะเป็นโทรศัพท์ ข้อความ SMS รวมถึงลิงก์ต่าง ๆ ตามเว็บบราวเซอร์ในอินเทอร์เน็ต เอาว่าแค่กด 1 ครั้งชีวิตก็เป็นหนี้ได้ จะเห็นว่ากลโกงต่าง ๆ ขยับเข้ามาอยู่รอบตัวเรามากขึ้น รันทุกวงการ ไม่เว้นแม้กระทั่งประกาศงานปลอม ทำอะไรก็ต้องระแวดระวังไปหมด อันไหนจริงอันไหนปลอม เราเองในฐานะผู้สมัครงานจำต้องมีสติและวิจารณญาณที่ดีอยู่เสมอ
“ลาป่วยกรณีไหนต้องใช้ใบรับรองแพทย์” เป็นอีกหนึ่งปัญหาคาใจชาวออฟฟิศไม่ว่าจะเป็นรุ่นเล็กหรือรุ่นใหญ่ก็ตาม เพราะไม่แน่ใจว่าลาป่วยแบบนี้ได้ไหม จะให้เอ่ยปากถามตรง ๆ ก็กลัวจะได้คำตอบว่ากฎระเบียบของบริษัทเป็นแบบนี้ ต้องปฏิบัติตาม แม้ว่าในใจจะแอบสงสัยอยู่ลึกๆ ว่า สวัสดิการวันลาที่บริษัทให้มันแฟร์กับพนักงานอย่างเรา ๆ หรือเปล่า? ถูกต้องตามกฎหมายแรงงานหรือไม่ ยิ่งในยุคแห่งโควิด-19 ที่วันลาป่วยต้องหายไปฮวบฮาบจนทำให้หลายคนวันลาป่วยแทบหมด ไม่เหลือให้ป่วยอะไรได้อีก เราเลยอยากชวนมาไขข้อข้องใจเรื่องสิทธิการลาป่วยที่มนุษย์ออฟฟิศอย่างเราควรได้กันดีกว่า

สร้างเว็บไซต์สำเร็จรูปฟรี ร้านค้าออนไลน์