e-Withholding Tax (e-WHT) หรือภาษีหัก ณ ที่จ่ายอิเล็กทรอนิกส์

e-Withholding Tax (e-WHT) หรือภาษีหัก ณ ที่จ่ายอิเล็กทรอนิกส์



e-Withholding Tax (e-WHT) หรือภาษีหัก ณ ที่จ่าย เป็นบริการที่กรมสรรพากรพัฒนาขึ้นเพื่อเพิ่มความสะดวกลดขั้นตอนให้แก่ผู้ที่มีหน้าที่หักภาษี ณ ที่จ่ายทำการนำส่งเงินภาษีต่อกรมสรรพากร โดยมีธนาคารเป็นตัวกลางในการนำส่งข้อมูลและส่งเงินภาษีให้กับกรมสรรพากร โดยที่ผู้ประกอบการไม่ต้องจัดทำหนังสือรับรองการหักภาษี ณ ที่จ่าย ดังนั้น ประโยชน์ที่เราจะเห็นได้ชัดเจนเลยก็คือ


สำหรับผู้จ่ายเงิน
  • สามารถจ่ายเงินและยื่นแบบแสดงรายการภาษีและชำระภาษีหัก ณ ที่จ่าย ครบจบในขั้นตอนเดียว ผ่านระบบออนไลน์ 
  • ลดต้นทุนในการจัดทำหนังสือรับรองการหักภาษี ณ ที่จ่าย (50 ทวิ) ไม่ต้องออกและจัดเก็บหนังสือรับรองการหักภาษี ณ ที่จ่าย โดยสามารถตรวจสอบข้อมูล และดาวน์โหลดหลักฐานการหักภาษีได้ผ่านเว็บไซต์ของกรมสรรพากร (ต้องลงทะเบียนกับกรมสรรพากรก่อนการใช้บริการ)
  • สะดวก ไม่ต้องยื่นแบบแสดงรายการภาษีและชำระภาษีหัก ณ ที่จ่ายให้กับกรมสรรพากรด้วยตนเอง และสามารถชำระเงินภาษีหัก ณ ที่จ่ายเพิ่มเติม ผ่านช่องทางที่ธนาคารกำหนดได้
  • สามารถตรวจสอบผลการโอนเงิน และการชำระภาษีหัก ณ ที่จ่ายจากรายงานผ่านช่องทางออนไลน์ (www.rd.go.th) ได้ตลอด 24 ชั่วโมง 
  • หากจ่ายเงินโดยใช้ระบบ อัตราภาษีหัก ณ ที่จ่ายจะลดเหลืออัตรา 1% (ตั้งแต่ 1 ม.ค.2566-31 ธันวาคม 2568)
สำหรับผู้รับเงิน 
  • ได้รับการแจ้งรายการโอนเงิน และข้อมูลการหักภาษี ณ ที่จ่าย ผ่านทางอีเมล (ตามที่ผู้จ่ายเงินได้ระบุไว้ในคำสั่งโอนเงิน)
  • ไม่ต้องจัดเก็บหนังสือรับรองการหักภาษี ณ ที่จ่าย โดยสามารถตรวจสอบข้อมูล และดาวน์โหลดหลักฐานการหักภาษี ณ ที่จ่ายได้ที่เว็บไซต์กรมสรรพากร (ต้องลงทะเบียนกับกรมสรรพากรก่อนการใช้บริการ)
  • มีสภาพคล่องเพิ่มมากขึ้น จากอัตราภาษีหัก ณ ที่จ่ายที่ลดลง ตามประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เมื่อผู้จ่ายเงินใช้บริการ e-Withholding Tax

วิธีใช้งาน
1.สมัครขอรับบริการกับธนาคารที่รองรับระบบ E-withholding tax แล้ว
2.เมื่อโอนเงินให้ผู้รับและต้องหักภาษี ณ ที่จ่าย ให้ส่งข้อมูลภาษีหัก ณ ที่จ่าย ของผู้รับด้วย ผ่านระบบโอนเงินของธนาคาร
3.ธนาคารจะทำหน้าที่หักภาษี ณ ที่จ่าย และนำส่งภาษีหัก ณ ที่จ่ายแทนผู้จ่ายเงินภายในเวลา 4 วัน
4.ทั้งผู้โอนเงินและผู้รับสามารถตรวจสอบข้อมูลการหักภาษี ณ ที่จ่ายได้ภายใน 6 วัน ที่เว็บไซต์ www.rd.go.th ของกรมสรรพากร โดยใช้เลขประจำตัวผู้เสียภาษี และ Password ที่เคยยื่นภาษีของระบบ e-Fillng ได้เลย
โดยไม่ต้องสมัครบริการใดๆ เพิ่มเติมอีก


สมัครใช้บริการกับสถาบันการเงินที่เข้าร่วมโครงการ e-Withholding Tax ได้แล้ว จำนวน 11 แห่ง 
สถาบันการเงินที่พร้อมให้บริการแล้ว 9 แห่ง

1. ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน)
2. ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน)
3. ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร
4. ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน)
5. ธนาคารมิซูโฮ จำกัด สาขากรุงเทพ
6. ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน)
7. ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน)
8. ธนาคารซูมิโตโม มิตซุย แบงกิ้ง คอร์ปอเรชั่น
9. ธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด

สถาบันการเงินที่อยู่ระหว่างการตรวจสอบระบบ 2 แห่ง
1. ธนาคารทหารไทยและธนาคารธนชาต
2. ธนาคารแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน)

อัตราค่าบริการ
เป็นไปตามที่แต่ละธนาคารกำหนด สูงสุดไม่เกิน 10 บาทต่อรายการโอน 1 ครั้ง


ที่มา : www.itax.in.th,กรมสรรพากร
 1586
ผู้เข้าชม

บทความที่เกี่ยวข้อง

สินค้าค้างสต๊อก (Dead Stock) ถือเป็นความท้าทายอย่างหนึ่งในการบริหารธุรกิจ เพราะเมื่อธุรกิจมีการสต๊อกสินค้า หมายถึง การมีต้นทุนหรือการที่ธุรกิจต้องจ่ายเงินออกไป เมื่อสินค้าขายไม่ออกกลายเป็นสินค้าคงค้างเป็นเวลานาน จากต้นทุนก็อาจกลายมาเป็นค่าใช้จ่ายเพราะไม่สามารถขายคืนทุนได้ การบริหาร หรือการจัดการสินค้าคงค้างให้มีประสิทธิภาพจึงเป็นเรื่องสำคัญนั่นเอง 
ธุรกิจนิติบุคคลหรือการดำเนินธุรกิจที่มีเจ้าของกิจการอยู่รวมกันมากกว่า หนึ่งคนขึ้นไปนั้น ไม่ว่าจะอยู่ในรูปลักษณะของบริษัททั่วไปทั้งธรรมดาและมหาชน ห้างหุ้นส่วนจำกัด กิจการร่วมค้า มูลนิธิหรือสมาคม ฯลฯ ที่ได้ไปทำการขึ้นจดทะเบียนไว้เป็นนิติบุคคลตามกฎหมายกับทางหน่วยงานราชการ
เงินสดย่อย หมายถึง เงินสดจำนวนหนึ่งที่กิจการเบิกธนาคารมาเก็บไว้กับแคชเชียร์ (หรือผู้รักษาเงินสดย่อย)  เพื่อกิจการจะได้มีไว้ใช้จ่าย  สำหรับรายการที่มีจำนวนไม่สูงมากนัก 
ในอดีตที่ผ่านมาความเจริญทางด้านวัตถุและเทคโนโลยียังมีไม่มาก จึงทำให้การทำงานส่วนใหญ่ขึ้นอยู่กับแรงงานมนุษย์ ต่อมามนุษย์ได้มีพัฒนาการในทุกๆ ด้าน ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางสังคมอย่างมากมายและเกิดความเจริญก้าวหน้าทางเทคโนโลยีสมัยใหม่ นอกจากนั้นยังเกิดการขยายตัวขององค์การต่าง ๆ
ค่าแรงงาน หมายถึง ค่าจ้าง (Wages) และเงินเดือน (Salaries) ที่กิจการจ่ายให้แก่ลูกจ้าง ในการจ่ายค่าจ้างอาจจ่ายเป็นรายชั่วโมง (Hourly) รายวัน (Daily) หรือตามหน่วยที่ผลิตได้ (Piecework) ส่วนเงินเดือนมักจะจ่ายเดือนละครั้ง
ใบสั่งขาย (Sale Order)หมายถึง การบันทึกรายการสั่งขายสินค้าหรือบริการ เพื่อเป็นการยืนยันการซื้อสินค้าของลูกค้า เริ่มจากเมื่อลูกค้ามีความต้องการสั่งซื้อสินค้า ฝ่ายขายจะตรวจสอบข้อมูลต่างๆ เช่น จำนวนสินค้าคงเหลือ จำนวนสินค้ากำลังผลิต จำนวนสินค้าที่ถูกจอง หรือข้อมูลเกี่ยวกับลูกค้า เช่น ประวัติการชำระเงิน หรือวงเงินเครดิต เพื่อยืนยันว่าสามารถขายสินค้าให้กับลูกค้ารายนี้ได้หรือไม่ เมื่อมีการตกลงการซื้อขาย ฝ่ายขายจะเริ่มสร้างคำสั่งขาย หากมีสินค้าอยู่ในคลังแล้ว ระบบจะเข้าไปจองสินค้าให้ แต่ถ้าสินค้าไม่พอระบบจะใช้เป็นข้อมูลสำหรับการวางแผนการสั่งซื้อหรือผลิตต่อไป

สร้างเว็บไซต์สำเร็จรูปฟรี ร้านค้าออนไลน์