ประมาณการหนี้สินและหนี้สินที่อาจเกิดขึ้น

ประมาณการหนี้สินและหนี้สินที่อาจเกิดขึ้น


ความรู้เกี่ยวกับหนี้สินที่อาจเกิดขึ้นได้ในทางบัญชี

เหตุการณ์ที่อาจเกิดขึ้นได้ในภายหน้า หมายถึงสภาพหรือสถานการณ์หรือเหตุการณ์บางอย่างอันอาจจะมีผลทำให้เกิดกำไรหรือขาดทุนแก่กิจการ ซึ่งผลสุดท้ายที่จะเกิดขึ้นอยู่กับเหตุการณ์อย่างใดอย่างหนึ่งหรือหลายอย่างในอนาคตว่าจะเกิดขึ้นหรือไม่

หนี้สินที่อาจเกิดขึ้น (Contingent Liabilities) หมายถึงหนี้สินที่อาจเกิดขึ้นเนื่องมาจากการดำเนินเงานที่ผ่านมาหรือเหตุกาณณ์อื่นหรือเงื่อนไขซึ่งอาจจะเกิดขึ้นในอนาคตหรืออาจจะไม่เกิดขึ้นก็ได้ หนี้สินนี้ไม่เกี่ยวข้องกับจำนวนเงินของหนี้ว่าจะคำนวณได้แน่นอนหรือไม่ จำนวนของหนี้อาจจะคำนวณได้ถูกต้อง แต่ก็ยังจัดเป็นหนี้สินที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต เช่นการค้ำประกันหนี้เป็นต้น.

ความหมายของหนี้สินที่อาจเกิดขึ้น ลักษณะของหนี้สินที่อาจเกิดขึ้น

ณ วันที่ในงบการเงินงวดใดงวดหนึ่งของกิจการ ฝ่ายจัดการอาจพบว่ามีสถานการณ์หรือเหตุการณ์บางอย่างที่อาจก่อให้เกิดกำไรหรือขาดทุนในอนาคตต่อกิจการ ในกรณีที่ความไม่แน่นอนของเหตุกาณณ์นั้นยังคงอยู่จนถึงวันที่กิจการออกงบการเงิน เหตุการณ์ดังกล่าวนี้จะจัดเป็นเหตุการณ์ที่อาจเกิดขึ้นในภายหน้า (Contingencies) แต่ถ้าความไม่แน่นอนของเหตุการณ์ดังกล่าวได้คลี่คลาย และสามารถประมาณผลของเหตุการณ์นั้นได้อย่างมีเหตุผล เหตุการณ์นั้นจะจัดเป็นเหตุการณ์ภายหลังวันที่ในงบการเงิน (Events After The Balance Sheet Date)

ฝ่ายจัดการมีหน้าที่ในการพิจารณาว่าเหตุการณ์ในภายหน้าจะทำให้เกิดผลประการใดต่อกิจการ และควรจะประมาณผลกระทบทางด้านการเงินด้วย โดยฝ่ายจัดการต้องพิจารณาจากข้อมูลที่มีอยู่ ณ วันที่ในงบดุลจนถึงวันที่ผู้บริหารอนุมัติให้ออกงบการเงินได้ โดยต้องอาศัยการติดตามเหตุการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้นภายหลังจากวันที่ในงบดุลประกอบกับประสบการณ์เกี่ยวกับรายการต่างๆที่มีลักษณะคล้ายคลึงกัน และในบางกรณีอาจต้องอาศัยรายงานจากผู้เชี่ยวชาญภายนอกอีกด้วย เนื่องจากว่าหนี้สินที่อาจเกิดขึ้น ก็จัดได้ว่าเป็นส่วนหนึ่งของเหตุการณ์ที่อาจเกิดขึ้น ดังนั้น หนี้สินที่อาจเกิดขึ้นสามารถกล่าวสรุปได้ว่ามีลักษณะทั่วไป 2 ประการดังนี้คือ

  1. เป็นหนี้สินประเภทที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคต โดยมีเหตุการณ์ในอดีตหรือปัจจุบันเป็นมูลฐาน กล่าวคือเป็นหนี้สินที่อาจจะเกิดหรือไม่เกิดในอนาคตก็ได้ แต่มีโอกาสของความเป็นไปได้ที่จะเกิด
  2. เป็นหนี้สินประเภทที่อาจจะกำหนดจำนวนหนี้ได้หรือไม่ได้ กล่าวคือหนี้สินที่อาจจะเกิดบางครั้งก็สามารถกำหนดมูลค่ของจำนวนหนี้ที่แน่นอนได้ แต่บางครั้งก็ไม่สามารถกำหนดมูลค่าที่แน่นอนได้ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับเหตุการณ์

ลักษณะของเหตุการณ์ที่อาจเกิดขึ้นในภายหน้า เหตุการณ์ที่อาจเกิดขึ้นในภายหน้า อาจแบ่งประเภทได้ 2 ลักษณะตามผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นต่อกิจการ

  1. ผลกำไรที่อาจเกิดขึ้นในภายหน้า (Gain Contingencies) กิจการจะไม่บันทึกบัญชีผลกำไรที่อาจเกิดขึ้นภายในหน้า เนื่องจากอาจทำให้มีการรับรู้รายได้ที่ไม่มีโอกาสที่จะเกิดขึ้น อย่างไรก็ตามถ้ามีความเป็นไปได้ค่อนข้างแน่ว่าผลกำไรจะเกิดขึ้น กำไรดังกล่าวก็จะไม่เข้าลักษณะที่อาจเกิดขึ้นต่อไป ดังนั้น กิจการก็จะต้องบันทึกบัญชีผลกำไรนั้นด้วย
  2. ผลเสียหายที่อาจเกิดขึ้นในภายหน้า (Loss Contingencies) วิธีปฏิบัติทางบัญชีสำหรับผลเสียหายที่อาจเกิดขึ้นในภายหน้า กิจการควรบันทึกผลเสียหายที่อาจเกิดขึ้นในภายหน้าไว้เป็นผลขาดทุนในบัญชีนั้น เมื่อเข้าหลักเกณฑ์ทั้ง 2 ข้อดังนี้
  • มีความเป็นไปได้ค่อนข้างแน่นอนว่าผลเสียหายจะเกิดขึ้นในอนาคต และจะมีผลทำให้สินทรัพย์ ณ วันที่ในงบดุลมีค่าลดลง หรือหนี้สินมีจำนวนมากขึ้น ทั้งนี้จะต้องคำนึงถึงส่วนที่อาจเรียกชดใช้คืนด้วย
  • สามารถประมาณจำนวนเงินได้อย่างสมเหตุสมผล

ในกรณีที่ผลเสียหายที่อาจเกิดขึ้นในภายหน้าไม่เข้าหลักเกณฑ์ทั้ง 2 ข้อข้างต้น ให้กิจการเปิดเผยข้อมูลไว้ในหมายเหตุประกอบงบการเงิน (แต่ถ้าโอกาสที่เกิดการขาดทุนมีน้อยมากกิจการก็ไม่จำเป็นต้องเปิดเผยข้อมูลก็ได้)

หลักเกณฑ์ในการกำหนดจำนวนเงินของผลเสียหายที่อาจเกิดขึ้นในภายหน้า ในการกำหนดจำนวนเงินของผลเสียหายที่อาจเกิดขึ้นในภายหน้าเพื่อนำมาบันทึกบัญชีนั้น กิจการต้องพิจารณาหลักเกณฑ์ดังต่อไปนี้

  1. พิจารณาจากข้อมูลที่มีอยู่จนถึงวันที่ออกงบการเงิน ซึ่งได้แก่เหตุการณ์ภายหลังวันที่ในงบดุลที่ชี้ให้เห็นว่ามีการสูญเสียสินทรัพย์ หรือมีหนี้สินเพิ่มขึ้น อันเป็นผลเนื่องมาจากสภาพการณ์ที่ไม่แน่นอนก่อนวันที่ในงบดุล
  2. ในกรณีที่มีผลเสียหายที่อาจเกิดขึ้นในภายหน้าหลายเหตุการณ์ และสภาพการณ์ของแต่ละเหตุการณ์ต่างกัน ให้พิจารณากำหนดผลเสียหายของแต่ละเหตุการณ์แยกจากกัน
  3. กรณีที่ผลเสียหายที่อาจเกิดขึ้นในภายหน้าหลายเหตุการณ์ที่มีลักษณะคล้ายคลึงกันกิจการอาจกำหนดผลเสียหายรวมเข้าด้วยกัน โดยไม่ต้องพิจารณาแยกแต่ละรายก็ได้

ตัวอย่างของผลเสียหายที่อาจเกิดขึ้นในภายหน้าเช่น ?

– ความเสี่ยงทั่วไปที่อาจเกิดขึ้นทางธุรกิจ
– ความไม่แน่นอนจากการเก็บเงินจากลูกหนี้
– ภาระผูกพันจากการประกันคุณภาพสินค้า
– ความเสี่ยงต่อการสูญหายหรือเสียหายในสินทรัพย์เนื่องจากอัคคีภัย หรือภัยอื่นๆ
– ความเสี่ยงจากการเวนคืนสินทรัพย์
– การถูกฟ้องร้องคดี การถูกเรียกร้องค่าเสียหาย หรือถูกประเมินภาษีที่เกิดขึ้นแล้วแต่ยังไม่ทราบผล
– การค้ำประกันหนี้สินของผู้อื่น
– ข้อผูกพันที่อาจต้องซื้อสินทรัพย์ที่ขายไปกลับคืนมา

ตัวอย่างของหนี้สินที่อาจเกิดขึ้น คืออะไร ?

ตัวอย่างของหนี้สินที่อาจเกิดขึ้นที่สามารถกำหนดมูลค่าจำนวนหนี้ที่แน่นอนได้ เช่น การสลักหลังโอนตั๋ว การค้ำประกันหนี้ การถูกฟ้องร้องและเป็นคดีอยู่ในระหว่างการพิจารณา การประเมินภาษีย้อนหลังและถูกเรียกเก็บภาษีเพิ่ม การรับประกันคุณภาพสินค้าที่ออกสู่ตลาดใหม่


ขอบคุณบทความจาก : รับทำบัญชี

 675
ผู้เข้าชม

บทความที่เกี่ยวข้อง

เวลาพูดถึงงบการเงิน หลายๆ คนอาจเข้าใจว่ามันมีรายการเดียวคือ “งบดุล” แต่งบดุลเป็นแค่ส่วนหนึ่งของงบการเงินมาตรฐานของธุรกิจในปัจจุบันเท่านั้น และเอาจริงๆ งบการเงินมีส่วนประกอบใหญ่ๆ ถึง 5 ส่วนด้วยกัน ว่าแต่ ในแต่ละส่วนมันบอกอะไรเกี่ยวกับธุรกิจบ้าง? ลองไปดูกันครับ
ส่วนของเจ้าของ หรือ ส่วนของผู้ถือหุ้น คือ ส่วนของทุนที่เจ้าของนำเงินมาลงทุนในบริษัทประกอบกับกำไรสะสมที่บริษัททำมาหาได้ในแต่ละปีสะสมรวมกัน กลายเป็นส่วนของผู้ถือหุ้นในงบแสดงการเปลี่ยนแปลงส่วนของผู้ถือหุ้น
เมื่อกล่าวถึงการเช่าทรัพย์หรือสัญญาเช่าทรัพย์แล้ว ท่านผู้อ่านหลายท่านที่คลุกคลีอยู่กับวงการภาษีอากรคงจะคุ้นเคยกันเป็นประเด็นปัญหาที่เกี่ยวข้องกับภาษีอากรอย่างดีทั้งนี้ ก็เนื่องมาจากประเด็นปัญหาที่เกี่ยวข้องกับภาษีอากรนั้นมีหลากหลายมากมายจนอาจกล่าวได้ว่าจำกันไม่ไหวเลยทีเดียว อย่างไรก็ดีไม่ว่าประเด็นปัญหาดังกล่าวกรมสรรพากรจะได้มีการวางแนววินิจฉัยไว้แล้วเพียงใดก็ตาม แต่ก็พบว่าผู้ที่เกี่ยวข้องก็ยังคงประสบกับปัญหาต่างๆ กันอยู่ไม่น้อย อาจเนื่องมาจากยังขาดความรู้ความเข้าใจในทางปฏิบัติเกี่ยวกับเอกเทศสัญญาเกี่ยวกับเช่าทรัพย์ตามความหมายของประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ หรืออาจมีความเข้าใจในประเด็นปัญหาภาษีอากรที่คลาดเคลื่อนไปรวมทั้งในทางปฏิบัติมีการใช้คำว่า “เช่า” ให้ครอบคลุมไปถึงธุรกรรมอื่นที่ไม่ใช่ “เช่า” ตามความหมายของประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ เช่น การเช่าพระเครื่อง การเช่าชั่วโมงอินเทอร์เน็ต การเช่าพื้นที่เพื่อแสดงสินค้าในงานแสดงสินค้าต่างๆ เป็นผลทำให้ความเข้าใจในเรื่องของภาษีอากรเกี่ยวกับเอกเทศสัญญาที่เรียกว่า “เช่าทรัพย์” นั้นคลาดเคลื่อนไปด้วย ผู้เขียนจึงได้รวบรวมเอาเรื่องราวอันเกี่ยวกับการเช่าทรัพย์ ทั้งในด้านความเป็นเอกเทศสัญญาตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ และในด้านของภาษีอากร ไม่ว่าจะเป็นกรณีการมีรายได้จากการให้เช่าทรัพย์ว่าจะต้องมีภาระภาษีอะไรบ้าง เช่น จะต้องเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ภาษีเงินได้นิติบุคคลอย่างไร ต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่มหรือไม่ และสัญญาเช้าที่ทำกันนั้นต้องติดอากรแสตมป์อย่างไรหรือไม่ รวมทั้งกรณีที่ผู้เช่าได้จ่ายค่าเช่าไปในบางกรณีว่าจะลงเป็นรายจ่ายทางภาษี หรือนำภาษีมูลค่าเพิ่มที่เกิดขึ้น (ถ้ามี) ไปใช้ได้หรือไม่อย่างไร
การจัดการการเงินของธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็นค่าใช้จ่าย, ใบเสร็จและสเปรดชีตของรายได้ จำเป็นต้องใช้วิธีต่าง ๆ ในการรวบรวมข้อมูลและวิเคราะห์ข้อมูลทางการเงินที่ค่อนข้างซับซ้อน ซึ่งถ้าหากไม่รอบคอบอาจมีความเสี่ยงทำให้ข้อมูลทางการเงินของธุรกิจผิดพลาดได้ อย่างไรก็ตามสามารถแก้ไขปัญหาเหล่านั้นได้ด้วยซอฟต์แวร์หรือระบบบัญชีที่ถูกต้อง โดยการจัดเตรียมไฟล์บัญชีที่ทันสมัย ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญโดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเวลาของการเสียภาษี ทำให้หลาย ๆ ธุรกิจหันมาพึ่งโปรแกรมหรือซอฟต์แวร์บัญชีเพราะมันสามารถสร้างประโยชน์ให้กับธุรกิจได้มากมายดังต่อไปนี้
เจ้าของธุรกิจทั้งในนามบุคคลธรรมดาและนิติบุคคล มักนิยมทำการตลาดผ่านโซเชียล เนื่องจากสามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายจำนวนมากและรวดเร็ว แต่เจ้าของธุรกิจอาจจะไม่ได้ให้ความสำคัญกับรายจ่ายตรงนี้มากเท่าไหร่

สร้างเว็บไซต์สำเร็จรูปฟรี ร้านค้าออนไลน์