ทำความรู้จักกับ บอจ.2 บอจ.3 บอจ.5

ทำความรู้จักกับ บอจ.2 บอจ.3 บอจ.5


บอจ.2 บอจ.3 บอจ.5
 เป็นเอกสารประกอบการจดทะเบียนที่สำคัญอย่างหนึ่งเวลาที่เราเอาบริษัทไปทำธุรกรรมในด้านต่างๆ ยกตัวอย่างเช่น เวลาที่เราไปเปิดบัญชีธนาคารในนามบริษัทธนาคารก็จะขอ บอจ.2 บอจ.3 บอจ.5 ในบทความนี้เราจะมาดูกันว่าเอกสารดังกล่าวนั้นคืออะไร

บอจ.2 หนังสือบริคณห์สนธิ

บอจ.2 หรือ หนังสือบริคณห์สนธิ เป็นเอกสารที่ผู้เริ่มก่อการของบริษัท ได้จัดทำขึ้น และได้ลงลายมือชื่อร่วมกันตามข้อกำหนดของกฎหมายในการจัดตั้งบริษัทจำกัด ซึ่งข้อมูลสำคัญๆที่อยู่ในแบบ บอจ.2 จะมีดังต่อไปนี้

  1. ชื่อของบริษัททั้งภาษาไทย และภาษาอังกฤษ
  2. จังหวัดที่ตั้งของบริษัท
  3. วัตถุประสงค์ของบริษัท
  4. รายละเอียดทุนของบริษัท
  5. รายละเอียดและลายเซ็นของผู้เริ่มก่อการ ที่เข้าชื่อร่วมกัน

ตัวอย่างแบบ บอจ.2 หนังสือบริคณห์สนธิ แสดงได้ดังนี้

บอจ.2

บอจ.3 รายการจดทะเบียนจัดตั้ง

บอจ.3 หรือ รายการจดทะเบียนจัดตั้ง เป็นแบบที่แสดงให้เห็นถึงรายละเอียดทุนของบริษัท ดังนี้

  1. จำนวนหุ้นทั้งสิ้นของบริษัท
  2. จำนวนหุ้นสามัญ และจำนวนหุ้นบุริมสิทธิของบริษัท
  3. จำนวนเงินที่ได้ใช้แล้วในแต่ละหุ้น แบ่งเป็นจำนวนเงินที่ใช้แล้วของแต่ละหุ้นสามัญ และจำนวนเงินที่ใช้แล้วของแต่ละหุ้นบุริมสิทธิ
  4. จำนวนเงินที่บริษัทได้รับค่าหุ้นรวมทั้งสิ้น แบ่งเป็น จำนวนเงินรวมที่ได้รับของหุ้นสามัญ และจำนวนเงินรวมที่ได้รับของหุ้นบุริมสิทธิ
  5. จำนวนหรือชื่อกรรมการ ผู้ที่ลงลายมือชื่อผูกพันบริษัท

ตัวอย่างแบบ บอจ.3 รายการจดทะเบียนจัดตั้ง แสดงได้ดังนี้


บอจ.5 สำเนาบัญชีรายชื่อผู้ถือหุ้น

บอจ.5 หรือ สำเนาบัญชีรายชื่อผู้ถือหุ้น เป็นแบบที่แสดงให้เห็นว่าในบริษัทนี้ มีใครเป็นผู้ถือหุ้นอยู่บ้าง รายละเอียดที่สำคัญมีดังต่อไปนี้

  1. ชื่อ เลขทะเบียน ของบริษัท
  2. รายละเอียดที่แสดงว่า บอจ.5 นี้เป็นทะเบียนของผู้ถือหุ้น ณ วันไหน เช่น ณ วันที่ประชุมจัดตั้งบริษัท ณ วันที่คัดจากสมุดทะเบียนผู้ถือหุ้น
  3. มูลค่าทุนจดทะเบียน จำนวนหุ้น และมูลค่าราคาพาร์ของหุ้น
  4. จำนวนผู้ถือหุ้นทั้งหมด
  5. รายละเอียดของผู้ถือหุ้นแต่ละคน โดยมีรายละเอียด ชื่อ นามสกุล เลขบัตรประชาชน สัญชาติ อาชีพ ที่อยู่ จำนวนหุ้นที่ถือ และชำระแล้วหุ้นละกี่บาท เลขหมายหุ้น และวันที่ลงทะเบียนเป็นผู้ถือหุ้น เป็นต้น

ตัวอย่างแบบ บอจ.5 สำเนาบัญชีรายชื่อผู้ถือหุ้น แสดงได้ดังนี้


วิธีการขอเอกสาร บอจ.2 บอจ.3 บอจ.5

หลายๆท่านอาจสงสัยว่าตัวแบบ บอจ.2 หนังสือบริคณห์สนธิ บอจ.3 รายการจดทะเบียนจัดตั้ง บอจ.5 สำเนาบัญชีรายชื่อผู้ถือหุ้น ของบริษัทนั้นจะหาได้จากไหน คำตอบคือชุดเอกสารดังกล่าวจะมาพร้อมกับตอนจดจัดตั้งบริษัทเสร็จครับ หากท่านไหนจดทะเบียนโดยยื่นเป็นกระดาษที่กรมพัฒนาธุรกิจการค้า ก็ให้คัดเอกสารทั้ง Set ในการจดจัดตั้งบริษัทมาด้วย ก็จะมีเอกสารดังกล่าวอยู่ในนั้น

หากท่านใดหาเอกสารชุดดังกล่าวไม่เจอ ไม่ต้องกังวลไปครับ เอกสารชุดดังกล่าวสามารถทำเรื่องขอคัดเอกสารได้ง่ายๆแบบออนไลน์ ผมเคยเขียนวิธีการคัดหนังสือรับรองบริษัทแบบออนไลน์เอาไว้แล้ว การคัดเอกสารอื่นๆ เช่น บอจ.2 บอจ.3 บอจ.5 ก็จะทำคล้ายๆกันครับ ลองดูวิธีการแบบละเอียดในบทความนี้กันได้เลยครับ : คัดหนังสือรับรองบริษัทออนไลน์ทำอย่างไร?

ผมเขียนสรุปวิธีการให้อีกทีดังนี้นะครับ

  1. กดเข้าสู่ระบบ โดยใช้ Username Password ตอนที่จดทะเบียน E-Registration หรือกดสมัครสมาชิกใหม่ กรณีที่ยังไม่มี Username Password : เข้าสู่ระบบ
  2. พอ Log in เข้าระบบแล้วให้กดเลือก “หนังสือรับรองนิติบุคคล รับรองสำเนา และถ่ายเอกสารทางทะเบียน งบการเงิน บัญชีรายชื่อผู้ถือหุ้น”
  3. หลังจากนั้นให้กดเลือกวิธีการรับเอกสารในที่นี่ผมชอบรับเอกสารเป็น Soft file ก็ให้เลือก “รับเป็นไฟล์อิเล็กทรอนิกส์”
  4. หลังจากนั้นให้เราใส่เลขประจำตัวผู้เสียภาษีของบริษัท
  5. หลังจากนั้นระบบจะขั้นมาให้เลือกว่า จะคัด หนังสือรับรอง หรือ รับรองสำเนา ให้เราเลือก “รับรองสำเนา”
  6. พอเลือกรับรองสำเนา เสร็จเรียบร้อยแล้ว ระบบก็จะมี List เอกสารแสดงขึ้นมาว่าจะคัดเอกสารอะไรบ้าง ก็ให้เราเลือก บอจ.2 บอจ.3 บอจ.5 และดำเนินการชำระเงินค่าธรรมเนียมในการคัดเอกสารต่อไปให้จบกระบวนการ
  7. เมื่อชำระค่าธรรมเนียมเรียบร้อยแล้ว รอซักครู่จะมี Email แจ้งเราว่าได้เอกสารแล้ว ก็ให้เรา Log in เข้าสู่ระบบอีกครั้งหนึ่ง แถบทางฝั่งซ้ายมือให้เลือก ตรวจสอบ และเลือก ดาวน์โหลดไฟล์/ใบเสร็จ เพียงเท่านี้เราก็จะได้รับเอกสารชุดดังกล่าวตามที่เราต้องการแล้วครับ

สรุป

บอจ.2 บอจ.3 บอจ.5 เป็นเอกสารสำคัญที่ทางบริษัทนั้นได้จัดทำขึ้นตอนจดทะเบียนจัดตั้งบริษัท ซึ่งมักจะเป็นเอกสารที่ต้องเอาไปใช้ทำรายการธุรกรรมต่างๆที่สำคัญๆของบริษัท เช่น การเปิดบัญชีธนาคารเป็นต้น หลังจากที่ได้อ่านบทความนี้ไปแล้ว หวังว่าทุกท่านก็จะได้ทราบว่าเอกสารแต่ละตัวคืออะไร แล้ววิธีการคัดเอกสารชุดดังกล่าวนั้นทำอย่างไรกันนะครับ

สามารถอ่านบทความน่าสนใจอื่นๆได้ ที่นี่ คลิ๊ก!



ขอบคุณที่มา : https://tanateauditor.com/

 1523
ผู้เข้าชม

บทความที่เกี่ยวข้อง

การจะเข้าสู่วงจรธุรกิจเพื่อเป็นผู้ประกอบการมืออาชีพ ประเด็นแรกๆ ที่ควรให้ความสำคัญ คือจะทำธุรกิจแบบ “บุคคลธรรมดา” หรือ “นิติบุคคล” เพราะ 2 รูปแบบนี้มีความต่างกันทั้งในเรื่องข้อดี ข้อเสีย รวมถึงการจัดทำบัญชี และภาษี ที่ต้องดำเนินการให้ถูกต้องตามที่กฎหมายกำหนด ซึ่งจะตัดสินใจเลือกดำเนินธุรกิจในรูปแบบใด ควรศึกษาข้อมูลเหล่านี้ให้ดีก่อน
เมื่อธุรกิจขาดทุน สำหรับบุคคลธรรมดาจะต้องเสียภาษีขั้นต่ำอัตรา 0.5% ของเงินได้ ถ้าภาษีที่คำนวนได้ไม่ถึง 5,000 บาท ได้รับยกเว้นภาษีและผลขาดทุนสะสมไม่สามารถยกไปหักกับเงินได้ในปีถัดไป แต่สำหรับนิติบุคคลเมื่อขาดทุนจะไม่เสียภาษีและผลขาดทุนสามารถนำไปหักจากกำไรในปีอื่นได้ไม่เกิน 5 ปี
การวางแผนภาษีอากร (Tax Planning) คือ การกำหนดแนวทางการปฏิบัติที่เป็นรูปธรรม เพื่อการปฏิบัติในอนาคตเกี่ยวกับรายการทางการเงิน (Financial Transactions) อาทิ รายการรายได้ ค่าใช้จ่ายต่างๆ และจำนวนกำไรหรือขาดทุน ที่เกี่ยวข้องกับประเด็นทางภาษีอากรทั้งในระยะสั้นและระยะยาว ในอันที่จะป้องกันมิให้เกิดปัญหาภาษีอากรไม่ว่าประการใดๆ โดยมุ่งหมายให้การเสียภาษีอากรและการปฏิบัติการเกี่ยวกับภาษีอากรขององค์กรเป็นไปโดยถูกต้อง และครบถ้วนตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่กฎหมายภาษีอากรกำหนดไว้ และเป็นผลให้จำนวนภาษีอากรที่ต้องเสียนั้น เป็นจำนวนน้อยที่สุดหรือประหยัดที่สุด รวมทั้งใช้สิทธิประโยชน์ทางภาษีอากรสูงสุด ทั้งนี้ โดยไม่อาศัยการทุจริตหลีกเลี่ยงภาษีอากร
ขั้นตอนจดทะเบียนเลิกบริษัทต้องทำอย่างไรบ้าง ไปดูกันที่บทความนี้ค่ะ
กระดาษทำการ (Work Sheet) หมายถึง แบบฟอร์มที่รวบรวมข้อมูลที่จำเป็นในการจัดทำงบการเงินมาไว้ที่เดียวกันกระดาษทำการเป็นเครื่องมือสำคัญในการปรับปรุงรายการตอนสิ้นงวดก่อนปิดบัญชีดังนั้นกระดาษทำการจะจัดทำขึ้นภายหลังที่ได้จดบันทึกรายการต่าง ๆ ของธุรกิจในบัญชีครบถ้วนแล้วแต่ยังไม่ได้ลงรายการปรับปรุงและปิดบัญชี
ภาษีมูลค่าเพิ่ม (Value-added tax หรือ VAT) คือ ภาษีประเภทหนึ่งซึ่งผู้ประกอบการแต่ละคนจะมีหน้าที่นำส่ง โดยเก็บจากการเพิ่มมูลค่าให้แก่สินค้า โดยปกติเมื่อมีการซื้อสินค้าเราจะจ่ายภาษีมูลค่าเพิ่มรวมอยู่ในราคาสินค้า ให้แก่ผู้ที่ขายสินค้าให้เรา เมื่อเรานำไปขายต่อเราก็มีหน้าที่เก็บภาษีเพิ่มขึ้นมาเพื่อนำส่งสรรพากร หากเราไม่คิดราคาสินค้าที่มีการรวมและแยกภาษีมูลค่าเพิ่มให้เรียบร้อย สุดท้ายแล้วเราจะเข้าเนื้อเพราะต้องออกเงินส่วนนั้นเพื่อนำส่งภาษีเอง

สร้างเว็บไซต์สำเร็จรูปฟรี ร้านค้าออนไลน์