เปลี่ยนผู้ทำบัญชีของบริษัทต้องทำอย่างไร

เปลี่ยนผู้ทำบัญชีของบริษัทต้องทำอย่างไร


1. ขอเอกสารที่ใช้ในการบันทึกบัญชีคืน

การทำบัญชีนั้น ต้องใช้เอกสารประกอบการบันทึกบัญชี ได้แก่ บิลซื้อ และบิลขาย ส่วนใหญ่ผู้ประกอบการจะให้เอกสารตัวจริงทั้งหมดกับกับผู้ทำบัญชีหรือสำนักงานบัญชี ทั้งหมดนี้เราต้องขอคืนจากผู้ทำบัญชีทั้งหมดกลับมา

กฎหมายได้กำหนดไว้ว่าต้องเก็บเอกสารที่ใช้ในการประกอบการบันทึกบัญชีไว้ไม่น้อยกว่า 5 ปี
– บิลซื้อ บิลขาย
– ใบเสร็จและเอกสารนำส่งภาษี (ภ.ง.ด. 1, 3, 53 ภ.พ. 30, ภ.ง.ด. 50,51)
– เอกสารที่ใช้นำส่งประกันสังคมและใบเสร็จรับเงิน

ผู้ทำบัญชีหรือสำนักงานบัญชีส่วนใหญ่จะทำใบสำคัญการลงบัญชีพร้อมแนบเอกสารส่งคืนลูกค้าทุกปี

2. ขอข้อมูลการบันทึกบัญชี
  • งบทดลอง (Trial Balance)
  • สมุดรายวันแยกประเภท (General Ledger)
  • สมุดรายวันซื้อ, ขาย, จ่ายเงิน, รับเงิน
  • ทะเบียนทรัพย์สิน
  • ทะเบียนเจ้าหนี้ ทะเบียนลูกหนี้
  • รายละเอียดประกอบยอดคงเหลือสินทรัพย์และหนี้สิน

ผู้ประกอบการที่ต้องการเปลี่ยนผู้ทำบัญชีหรือสำนักงานบัญชีจะต้องให้เวลากับผู้ทำบัญชีเก่าในการปิดบัญชี เพื่อส่งข้อมูลให้ผู้ทำบัญชีรายใหม่ การปิดบัญชีส่วนใหญ่จะต้องใช้เวลาประมาณ 1-2 เดือน แต่ผู้ทำบัญชีรายใหม่สามารถทำบัญชีได้เลย ไม่ต้องรอผู้ทำบัญชีรายเก่าปิดงบเสร็จ

3. ขอรหัสผ่านต่างๆ ที่เกี่ยวกับบัญชี
  • รหัสผ่าน DBD E-Filing
  • รหัสผ่านยื่นภาษีกับกรมสรรพากร
  • รหัสผ่านที่ใช้ทำธุรกรรมบนเว็บประกันสังคม

วันเริ่มต้นรอบบัญชีใหม่เหมาะกับการเปลี่ยนผู้ทำบัญชี หรือ สำนักงานบัญชีใหม่

ขั้นตอนการเปลี่ยนผู้ทำบัญชีใหม่

  1. ผู้ทำบัญชีต้องทำเรื่องแจ้งเปลี่ยนแปลงข้อมูลภายใน 30 วันนับตั้งแต่วันที่มีการเปลี่ยนแปลง
  2. ผู้ทำบัญชีต้องแจ้งเปลี่ยนแปลงผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ E-Accountant ที่เว็บ DBD

สามารถอ่านบทความน่าสนใจอื่นๆได้ ที่นี่ คลิ๊ก!!

ขอบคุณบทความจาก :: https://www.accprotax.com   หรือ Click  

 848
ผู้เข้าชม

บทความที่เกี่ยวข้อง

สมุห์บัญชีหรือผู้ที่ได้รับมอบหมาย จะต้องตรวจสอบอยู่เสมอว่า บัญชีย่อยเจ้าหนี้จะมียอดรวมตรงกับบัญชีคุมยอดเจ้าหนี้การค้า...
จากอดีตถึงปัจจุบันปัญหาที่ทุกองค์กรจะพบคือ ‘การทุจริต’ โดยจะมีบุคคลที่ส่อแววว่าจะทำการทุจริตไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไรก็ตามแต่ ซึ่งสร้างความเสียหายต่อภาพลักษณ์ขององค์กรเป็นอย่างมาก ปัญหาทุจริตจึงเป็นปัญหาที่ไม่ควรมองข้ามเป็นอันขาด ดังนั้นคุณจำเป็นต้องมีผู้ตรวจสอบระบบภายใน ระบบการเงินอยู่เสมอ เพื่อป้องกันช่องว่างที่จะทำให้บุคคลเหล่านั้นฉวยโอกาส ฉะนั้นเราลองมาดูแนวทางการแก้ไขปัญหาต่างๆ อย่างยั่งยืนและได้ประสิทธิภาพมากที่สุดกันดีกว่า
ปัจจุบันมีการเปลี่ยนแปลงสำหรับการรับรู้รายได้สำหรับมาตรฐานการบัญชี ตามที่สภาวิชาชีพบัญชีได้ออกประกาศสภาวิชาชีพบัญชีที่ 6/2561 เรื่อง มาตรฐานการรายงานทางการเงินฉบับที่ 15 เรื่อง รายได้จากสัญญาที่ทำกับลูกค้า ซึ่งมีการบังคับใช้มาระยะหนึ่งแล้วตั้งแต่ต้นปี 2562 ที่ผ่านมา
ในการประกอบธุรกิจ อาจจะมีเงื่อนไขต่างๆ ที่ตกลงกันทางธุรกิจ ทำให้บริษัทต้องตั้งประมาณการหนี้สินที่อาจเกิดขึ้น ซึ่งหนี้สินที่อาจจะเกิดขึ้นเหล่านี้มักจะถูกบันทึกบัญชี เดบิต ค่าใช้จ่าย และเครดิต หนี้สินหลายท่านจึงมีคำถามในใจว่า แล้วค่าใช้จ่ายเกิดจากการประมาณการหนี้สินที่อาจเกิดขึ้นเหล่านี้ สามารถรับรู้เป็นค่าใช้จ่ายทางภาษีได้มั้ย หรือจะต้องบวกกลับทางภาษีเวลาที่คำนวณภาษีเงินได้นิติบุคคลก่อนที่จะตอบคำถามประเด็นค่าใช้จ่ายทางภาษี อาจจะต้องเริ่มต้นทำความเข้าใจที่มาที่ไปของรายการนี้ในทางบัญชีกันก่อน
“e-Tax Invoice หรือ “ใบกำกับภาษีอิเล็กทรอนิกส์” คือใบกํากับภาษีที่ปรับรูปแบบจากที่เคยเป็นกระดาษไปเป็นข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ หากดูจากจุดที่แตกต่างคือ e-Tax Invoice จะมีหมายเลขใบรับรองอิเล็กทรอนิกส์ (Digital Certificate) และลายมือชื่อดิจิทัล (Digital Signature) เป็นเครื่องยืนยันตัวตนของผู้ออกใบกำกับภาษี (ผู้ขาย) และรับรองถึงความถูกต้องของข้อมูล
ภาษีซื้อต้องห้าม กฎหมายห้ามไม่ให้นำมาหักออกจากภาษีขายหรือขอคืนภาษีซื้อสำหรับการคำนวณภาษีมูลค่าเพิ่ม แต่รู้หรือไม่ว่า ภาษีซื้อต้องห้ามบางประเภทนั้น สามารถนำมาหักเป็นรายจ่ายในการคำนวณกำไรสุทธิทางภาษีของภาษีเงินได้นิติบุคคลได้ ก่อนอื่นต้องขอทบทวนความรู้กันนิดนึงก่อนว่า ภาษีธุรกิจที่เราจะคุยกันนั้นแยกเป็นสองเรื่อง

สร้างเว็บไซต์สำเร็จรูปฟรี ร้านค้าออนไลน์